"โดราเอมอน!!" เสียงเด็กชายใส่แว่นชุดสีเหลือง วิ่งตะโกนเข้ามาในห้องตัวเองเพื่อหาเจ้าแมวสีฟ้าไร้หูที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ "มีอะไรอีกไอ้เด็กแว่นขี้แงสอบได้ 0 คะแนน" เด็กแว่นที่ร้องไห้ก็ไม่สนใจที่โดนด่าพูดว่า "ซูเนโอะมันเอาเครื่องเกม Nintendo Switch 2 มาโชว์ด้วยฉันอยากได้แบบนั้นบ้าง" โดราเอมอนเลยบอกว่า "บื้อๆ โง่ๆ อย่างเอ็งเอา Game Boy Advance ไปเล่นเถอะ เพราะวันนี้วันที่ 21 มีนาคมครบรอบ 23 ปีเกมเครื่องนี้พอดี" โนบิตะ "!!??" เรามาทำควารู้จักเครื่องเกมนี้กัน(จะเกริ่นมายาวๆ เพื่อ)
ย้อนกลับไปวันที่ 21 มีนาคม 2001 เกมเครื่องใหม่ของทาง Nintendo ที่สานต่อตำนานของ Game Boy ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลกในชื่อ Game Boy Advance ตัวเกมมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม CPU บน Game Boy จะมีแค่ 8 บิตแต่บน Game Boy Advance จะเพิ่มเป็น 32 บิต แถมตัวเครื่องที่เคยเป็นแนวตั้งตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นแนวนอน และมีการเพิ่มปุ่ม LR เข้ามาเพื่อเเพิ่มการควบคุมให้มากขึ้น เหมือนที่ Super Famicom เคยมีในอดีต ส่วนหน้าจอมีขนาดใหญ่กว่า Game Boy Color ประมาณ 1.5 เท่า และใช้จอ LCD สี TFT แบบสะท้อนแสงขนาด 2.9 นิ้ว แต่ไม่มีไฟส่องสว่างที่หน้าจอ ถ้าจะเล่นในที่มืดก็ต้องหันหลังให้แสงไฟหรือซื้ออุปกรณ์เสริมมาใส่ ตอนเล่นถ้าแสงไฟรอบตัวไม่สว่างพอก็จะเป็นแบบในรูปด้านล่าง นับเป็นความทรมานที่เด็กยุคนี้ไม่เข้าใจ
จนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2003 หลังจากออกเครื่องเก่ามาได้ 2 ปีทาง Nintendo ก็เพิ่งมาคิดได้ว่าทำไมเราไม่เอาไฟมาใส่ที่หน้าจอเสียที ปล่อยให้พวกอุปกรณ์เสริมมันขายแย่งตลาดทำไม ว่าแล้วทาง Nintendo ก็ออกรุ่นฝาพับตามสมัยนิยมยุคนั้นที่เรียกว่า Game Boy Advance SP ออกมาพร้อมไฟหน้าจอเสียที และออกรุ่น Game Boy Micro เป็นการปิดท้ายวันที่ 13 กันยายน 2005 ที่ลดขนาดลงมีไฟหน้าจอเพื่อใช้ในการพกพา ซึ่งตัว Game Boy Micro มันขายไม่ค่อยดีเลยกลายเป็นของหายากในยุคนี้ไปเสียอย่างนั้น
ส่วนเกมเด่นๆ ของ Game Boy Advance ก็มีมากมายอย่าง Pokemon Ruby & Sapphire, Pokemon FireRed and LeafGreen, Final Fantasy Tactics Advance และซีรีส์ลุงหนวด Mirio ที่ทั้งสามรุ่นนั้นสายนักสะสมต้องการตามหาเป็นอย่างมาก ใครที่สนใจก็ไปลองหาดูตามตลาดมือสองน่าจะมีขายอยู่ แต่ราคาก็อาจจะตามสภาพ ส่วนเด็กยุคใหม่ๆ ที่ไม่รู้จักลองไปหาเครื่องหาเกมยุคนั้นมาเล่นดู แล้วจะรู้ว่าเกมเมอร์รุ่นลุงๆ ป้าๆ เขาผ่านเกมอะไรมาบ้าง
ที่มา https://www.famitsu.com/news/202403/21337518.html