คุณว่าการจากลามันหน้าเศร้าขนาดไหน ถ้าเป็นการจากแบบมีชีวิตเรายังรู้ว่าซักวันหนึ่งเดี๋ยวเราก็จะได้เจอกัน หรือรู้ว่าเขา(เธอ) คนนั้นยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แต่การจากแบบเสียชีวิตมันคือการจากแบบที่ชาตินี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเราจะไม่ได้เจอกันอีก และก่อนที่คุณจะจากลากันคุณเคยสร้างสิ่งดีๆ มีความหมายให้คนที่คุณเคยรู้จักหรือรักหรือยัง นั่นคือความหมายของอนิเมะเรื่องนี้ คำอธิษฐานในวันที่จากลา FRIEREN
เรื่องราวใน คำอธิษฐานในวันที่จากลา FRIEREN จะกล่าวถึงเอลฟ์นามว่า Frieren ที่เราก็ทราบดีว่าเอลฟ์นั้นมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์มากๆ ตัวของ Frieren ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เธอได้ผ่านการพบเจอและจากลามาแล้วมากมาย ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจใส่ใจอะไรเลยใช้ชีวิตไปวันๆ จนวันหนึ่งสมาชิกผู้กล้า Himmel ได้ชวนเธอไปปราบจอมมาร โดยเรื่องราวจะบอกเล่าหลังจากที่ Himmel และเพื่อนๆ ปราบจอมมารลงได้แล้ว โลกกลับมาสงบสุข คณะผู้กล้าก็ต้องแยกไปทางใครทางมัน จนเวลาผ่านไปเหล่าคณะผู้กล้าก็แก่ชราลง ส่วน Frieren ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนเมื่อ Himmel แก่ตาย Frieren จึงรู้ซึ้งความหมายของการจากลา ว่าทำไมชวงที่มีชีวิตอยู่ ถึงได้ไม่ทำดีพูดดีหรือสร้างสิ่งที่มีความหมายก่อนที่จะจากลากันครั้งสุดท้าย การเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตของสาวเอลฟ์ Frieren จึงเริ่มขึ้น
เรื่องราวมันเหมือนจะเศร้าชวนน้ำตาซึมซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะแค่ตอนแรกก็เล่นเอาหลายคนถึงกับเศร้าในสิ่งที่อนิเมะสื่อ จนหลายคนที่ไม่รู้ต่างก็ไม่กล้าดู เพราะกลัวว่าอนิเมะเรื่องนี้จะเศร้าชวนจิตตก แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะเมื่อมาถึงตอนที่ 2 ตอนที่ 3 เรื่อยมา เรื่องราวมันได้เปลี่ยนจากความเศร้าของการจากลา มาเป็นกำลังใจให้คนที่มีชีวิตอยู่ได้รับรู้และยิ้มได้ ผ่านเรื่องราวของ Frieren ที่ต้องเดินทางไปบนเส้นทางเคยไปกับเพื่อนๆ ในอดีตที่เคยผ่านมาแล้ว ขอยกตัวอย่างเรื่องราวของรูปปั้น Himmel ที่หลังจากที่เขาปราบจอมมารเป็นผู้กล้าที่มีชื่อเสียง ระหว่างเดินทางกลับมาบ้านเกิด ชาวบ้านเลยขอสร้างรูปปั้นไว้ตามเมืองต่างๆ ซึ่ง Himmel ดูจะใส่ใจกับการทำรูปปั้นตัวเองมากๆ จน Frieren รำคาญบ่นทุกครั้ง พอผ่านมา 50 ปีเมื่อ Himmel จากไป Frieren จึงรู้ว่าที่ Himmel ใส่ใจในรูปปั้นของตัวเอง เพราะเขาอยากให้อนาคตตอนที่เขาจากไปแล้ว Frieren ที่มาเห็นรูปปั้นจะได้จำเขาได้ เพราะ Frieren มักพูดเสมอว่าผ่านไปซักราวๆ 80 ปีเดี๋ยวก็ลืมหมดแล้ว เพราะมันไม่สำคัญอะไรกับพวกอายุยืนแบบเธอ ที่พอรู้แบบนี้ก็แอบขนลุกเหมือนกัน
และนอกจากเรื่องราวเนื้อหาเหล่านั้นแล้ว ในเรื่องก็มีฉากแอ็กชันต่อสู้เหมือนกัน เพราะอย่าลืมว่านี่คือโลกแฟนตาซีที่มีปีศาจจอมมารผู้กล้า แม้จอมมารจะตายไปแล้วแต่ลูกน้องและปีศาจตามทางก็ยังมี จึงมีการต่อสู้ให้ดูเรื่อยๆ แม้จะไม่เยอะแต่พอมาทีก็ดูสนุกมากๆ แถมยังเอาเรื่องของเวลามาจิกกัดด้วย ยกตัวอย่างปีศาจที่เป็นมือขวาจอมมารที่ถูกผนึก มันมีเวททำลายล้างที่รุนแรงมากๆ ไม่มีใครปราบลงได้ จนพวก Frieren ต้องผนึกขังมันเอาไว้ 80 ปี พอผนึกคลาย Frieren ก็มาปราบมือขวาจอมมารตนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือมนต์ที่มือขวาจอมมารใช้เมื่อ 80 ปีที่แล้ว มาในตอนนี้มันคือมนต์พื้นฐานกากๆ ที่มนุษย์หาทางแก้ได้และเอามาใช้ได้ทั่วไป(อ้าว) จากมนต์ที่ทำเอาจอมเวทนักรบตายมาเป็นพันๆ คน ปัจจุบันมันคือมนต์ที่นักเวททุกคนต้องร่ายเป็นและกันได้โคตรง่าย เรียกว่าจิกกัดเรื่องเวลาได้โคตรดี
ยังๆ ความดีงามยังไม่หมด นี่ยังไม่นับมุกตลกที่ใส่ลงไปจนเราอมยิ้ม ไปจนถึงเรื่องราวกุ๊กกิ๊กของอีกสองตัวละครที่เดินทางไปกับ Frieren ด้วยอย่าง Fern เด็กกำพร้าที่เป็นลูกศิษย์ของ Frieren และนักรบขี้ขลาด Stark ที่ทั้งสองคนก็มีฉากสนิทสนมให้คนดูแอบจิกหมอนเป็นระยะๆ ที่เอาความดีงามนี้มาพูดได้เป็นชั่วโมง ส่วนข้อเสียก็คือเรื่องราวมันจะเรียบๆ ไม่หวือหวาฉากสู้นานๆ มาที จะเน้นที่เนื้อเรื่องแต่ละตอนที่แฝงความหมายเอาไว้ให้เราได้คิดตามตลอด ที่ถ้าไม่ตั้งใจดูก็อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อนิเมะสื่อ ที่ถ้าคุณได้ดูแล้วคุณต้องหลงรักอนิเมะเรื่องนี้แน่นอน ซึ่งมันดีงามขนาดที่ว่าตอนสุดท้ายที่จะฉาย แฟนๆ ต่างเสียใจเพราะจะไม่ได้ดูเรื่องนี้อีกนาน ใครที่ไม่เคยดูตอนนี้แนะนำเลยนเพราะมีให้ดูยาวๆ แล้วคุณจะรู้ว่าการจากลาไม่ได้น่าเสียใจอย่างที่คิด