เมื่อเราเอ่ยถึงชื่อของ Atlus สิ่งที่หลายคนน่าจะคิดถึงก่อนเลยก็คือเกมซีรีส์ Persona และ Shin Megami Tensei ที่กรุยทางสร้างรากฐานให้กับวงการเกมในญี่ปุ่นมานานหลายสิบปี และยอดขายของเกม สื่อต่าง ๆ ที่ถูกต่อยอดไปนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของพวกเขาได้เป็นอย่างดี และการกลับมาอีกครั้งของ Persona ภาคที่ดีที่สุดในเวอร์ชั่น Remake นั้นจะดีจริงหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบให้ใน Persona 3 Reload รีวิวฉบับนี้
Story
เนื้อเรื่องจะดำเนินไปในปี 2009 เช่นเดียวกับเกมภาคต้นฉบับ เราคือตัวเอกที่ย้ายมาเรียนในโรงเรียน Gekkoukan Highschool ด้วยเหตุผลบางอย่าง และเมื่อเดินทางมาถึงก็เจอกับเหตุการณ์ประหลาดที่เรียกว่า Dark Hour หรือชั่วโมงที่ 25 ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และอาจเป็นต้นตอของหายนะที่ทำให้โลกของเราสูญสิ้นได้
เขาได้พบกับผู้คนแปลกประหลาดมากมาย ทั้งเด็กชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขาดี กลุ่มเด็กหอ Iwatodai ที่แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มนักล่าปีศาจใน Dark Hour ที่เรียกตัวเองว่า SEES รวมไปถึงชายแก่จมูกยาวกับผู้ดูแลในห้องที่เรียกว่า Velvet Room ซึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเอกของเราได้ปลุกพลังแฝงที่อยู่ในตัวผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Invoker และเรียกร่างพลังที่รู้จักกันในชื่อ Persona ออกมาใช้ในการปราบพวก Shadow และไขปริศนาของ Dark Hour ต่อไป พร้อมกับเรื่องราวทับซ้อนมากมายที่ต้องแก้ไขไปด้วยกัน
และนี่คือทั้งหมดที่เราสามารถพูดถึงเนื้อเรื่องของเกมได้ ซึ่งสำหรับแฟน ๆ Persona ที่เคยเล่นภาคต้นฉบับมาก่อน จะรู้สึกได้ทันทีว่าเนื้อเรื่องที่เป็นใจความสำคัญของเกมนั้นยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์สำคัญทั้งหมดในเนื้อเรื่องหลัก แต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านของรายละเอียดปลีกย่อย และเหตุการณ์บางอย่างลงลึกมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราอินกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะเล่นเกมภาคต้นฉบับมาก่อนแล้วก็ตาม
และที่น่าดีใจก็คือในส่วนของเนื้อเรื่องหลักทั้งหมด Social Link ต่าง ๆ จะมีการพากย์เสียงเข้าไปทั้งหมดแบบไม่มีตัดทอน ซึ่งทำให้ผู้เล่นอินกับเนื้อหาได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่มาแค่ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว รวมไปถึงจะมีเหตุการณ์ใหม่ ๆ ร่วมกับเพื่อนชาวหอเพิ่มเข้ามา พร้อมกับรางวัลพิเศษเพิ่มเติม ทำให้การไล่เก็บเนื้อเรื่องทั้งหมดมีสีสันมากกว่าเดิม
และแน่นอนว่า แม้เนื้อเรื่องของเกมจะเป็นจุดแข็งที่สุดของ Persona มาโดยตลอด แต่สำหรับแฟนเก่า ๆ บางคนอาจจะมองว่ามันน่าเสียดายและน่าเบื่อไปหน่อย เพราะไหน ๆ ก็ทำมาใหม่แล้ว น่าจะมีเนื้อเรื่องอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมบ้างก็ยังดี แต่ถ้าว่ากันตามตรง เนื้อหาหลักของเกมนั้นก็เรียกว่าสมบูรณ์แบบในตัวของมันอยู่แล้วจนไม่ต้องแก้ไขอะไรเข้าไปอีก แต่อาจจะรู้สึกว่าน่าเสียดายนิดหน่อยที่มันเหมือนเดิมเกือบหมดเลยนั่นแหละ
แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับแฟนใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยสัมผัสความยอดเยี่ยมของ Persona 3 มาก่อนในภาคต้นฉบับ นี่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก เพราะหลายอย่างในเกมถูกปรับปรุงแก้ไขให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีสีสันกว่าเดิม และเชื่อเถอะว่าคุณจะประทับใจกับเนื้อเรื่องของเกมจนยกให้เป็นหนึ่งในเกมที่มีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใจอย่างแน่นอน
Persentation
รูปแบบการนำเสนอของ Persona 3 Reload นั้นจะไม่แตกต่างจาก Persona ภาคอื่น ๆ ในปัจจุบัน คุณต้องใช้ชีวิต สานสัมพันธ์กับผู้คนที่มีตั้งแต่เหล่าเพื่อนร่วมทีม เพื่อร่วมชั้นเรียน คนแปลก ๆ ในเมือง Tatsumi Port ทำกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างค่าพลังทางด้านสังคม และออกไปต่อสู้กับเหล่า Shadow ในหอคอย Tartarus หรือตามแต่เนื้อเรื่องจะนำพาไป
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เล่นต้องคิดก็คือ เกือบทุกกิจกรรมที่เราทำนั้นจะเป็นการกินเวลาในแต่ละวันไปหนึ่งช่วง ซึ่งในหนึ่งวันจะแบ่งออกเป็นช่วงเช้า กลางวันหรือหลังเลิกเรียน และช่วงค่ำ ซึ่งในแต่ละช่วงคุณสามารถเลือกทำบางกิจกรรมได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งโดยมากกิจกรรมเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มค่าพลัง Social Stat ที่มีอยู่ทั้งหมดสามอย่าง(ความรู้, เสน่ห์, ความกล้าหาญ) และการที่เราสานความสัมพันธ์กำตัวละครบางตัว เราก็ต้องมีค่าพลังทางด้านสังคมให้ถึงตามที่เกมกำหนดไว้ด้วย
และนั่นทำให้ผู้เล่นต้องคิดว่า ในแต่ละวันนั้นเราจะทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย เพราะทุกอย่างนั้นสำคัญหมด เพราะถ้ามัวแต่ไปปั้นค่าพลังทางสังคม ก็จะมีเลเวลไม่พอที่จะไปลุยในการต่อสู้หรือไปเจอ Persona ดี ๆ มาช่วยสู้ หรือถ้าเก็บ Social Link ไม่เต็ม ก็จะไม่ได้ Persona ตัวที่ต้องการมาใช้งานหรือได้รับผลประโยชน์จากตรงจุดนี้ ซึ่งผู้เล่นก็ต้องมาชั่งน้ำหนักให้ดีว่าจะทำอะไรยังไงก่อนที่เวลาที่เหลืออยู่ในเกมจะหมดลงหรือเนื้อเรื่องบังคับเราไปต่อ
และเกมก็จะมีการกันคอนเทนต์ไม่ให้ล้ำหน้าคนเล่นอยู่ประมาณหนึ่ง กล่าวคือถ้าอยากจะไต่หอคอยไปยังชั้นที่สูงขึ้น ก็ต้องเล่นผ่านเนื้อเรื่องหลักในเกมบางจุดไปเสียก่อนจึงจะสามารถทำได้ ซึ่งก็หมายถึงเราจะได้เจอกับรูปแบบการเล่นแบบใหม่ ตัวละคร และความท้าทายที่มากขึ้น อยู่กึ่งกลางระหว่างคนที่อยากเล่นในสไตล์ Low Level หรือฟาร์มจนตัวแน่นก็ทำได้ทั้งสิ้น
นอกจากการใช้ชีวิตและเข้าไปต่อสู้แล้ว เกมยังมีการมอบเควสยิบย่อยหรือ Request ให้ผู้เล่นได้ทำเพื่อรับรางวัลที่หาไม่ได้จากการเล่นปกติ ซึ่งก็จะมีทั้งการกำจัดศัตรูตามจำนวนที่กำหนด เก็บไอเท็มให้ครบตามจำนวน หรือพาตัวละคร NPC ตัวอื่น ๆ ไปทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งข้อดีก็คือภารกิจหรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องบางอย่างนั้นจะไม่นับรวมกับเวลาที่เราจะทำในแต่ละช่วงด้วย เปิดโอกาสให้เราทำได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเวลาในการปั้นค่าสถิติต่าง ๆ นั้นจะไม่พอ พร้อมกับได้รับรางวัลที่คุ้มค่าอีกด้วย
และอีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเพลง แม้ในภาคนี้จะมีการเปลี่ยนตัวนักร้องหลักจากคุณ Yumi Kawamura มาเป็นคุณ Azumi Takahashi แทน ซึ่งก็ทำให้อารมณ์ของเพลงเปลี่ยนไปจากของเก่าพอสมควร แต่ก็เหมาะกับบรยากาศของเกมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่จาก Unreal Engine ไม่น้อย แม้บางคนอาจจะเสียดายความรู้สึกเก่า ๆ อยู่บ้าง แต่เพลงเดิมที่นำมาแต่งใหม่ก็ยังคงฟังสนุกตื่นเต้นเหมือนเดิม
โดยรวมแล้ว ถ้าคุณเคยผ่าน Persona ภาคเก่า ๆ มาก่อน ก็จะรู้ Flow ของเกมทันที เพราะไม่ต่างจากของเดิมมากนัก แต่ว่ามีการปรับปรุงให้ผู้เล่นได้เล่นอย่างสนุกและเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่มีอยู่อย่างหลากหลาย และจัดสรรเวลาในการใช้ชีวิตให้ลงตัวด้วย เรียกว่าเป็นเกมที่จะดูดเวลาในชีวิตของคุณอย่างมหาศาลแน่นอน
Gameplay
นี่คือส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดของเกมเลยก็ว่าได้ จากของเดิมที่การลงหอคอย Tartarus นั้นมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งความเหนื่อยล้าจากการสำรวจ การสั่งงานเพื่อนร่วมทีมที่ไม่สามารถทำได้และต้องคอยสวดภาวนาให้พวกเขาหรือเธอใช้ท่าที่ตรงกับสถานการณ์เสียที(ซึ่งมาแก้ไขในภายหลัง) สิ่งเหล่านี้แม้บางคนอาจจะมองว่าเป็นความท้าทายและระทึกขวัญ แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนค่อนข้างจะไม่ชอบใจเลย เพราะมันออกแนวน่ารำคาญมากกว่าจะตื่นเต้น และปัญหาเหล่านี้ก็ได้รับการแก้ไขอย่างดีแล้วในภาค Reload
โดยหลักการแล้วรูปแบบการเล่นจะไม่ได้แตกต่างจาก Persona 5 Royal ซึ่งในเกมนี้ก็นำข้อดีของเกมภาคเก่ามาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นไปอีก พร้อมกับเสริมของใหม่และนำของเก่าจากภาคต้นฉบับมาผสมจนลงตัว อย่างแรกเลยก็คือหน้าจอ UX/UI ที่ยังคงใช้การกดปุ่มเพื่อเลือกคำสั่งแทนที่จะเป็นการกดลูกศรเลื่อนไปมาเหมือนเกม JRPG อื่น ๆ จะให้ออกท่าโจมตี ใช้ Persona หรือไอเท็มต่าง ๆ ก็ทได้เลยเพียงแค่กดปุ่มเดียว ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานอย่างมหาศาล
ส่วนศัตรูที่เจอในเกมนั้นจะมีการแพ้ทางธาตุที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตัวที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็จะไม่บอกเราว่าศัตรูตัวนี้แพ้ทางธาตุอะไร ซึ่งเราก็ต้องมาลองผิดลองถูกยิง Skill ในแต่ละธาตุใส่มันดูว่าแพ้ทางหรือไม่ หรือไม่ก็ใช้ Skill Support จากเพื่อนร่วมทีมเพื่อหาจุดอ่อนได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองของเปลืองแรงก็ย่อมได้ แถมท่าโจมตีติดแบบ Critical ก็จะมีการตัดฉาก Cut-in แบบเท่ ๆ ของแต่ละตัวละครให้เราดูอีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีระบบ Shift ที่ลดทอนความสามารถลงมาจาก Baton-Pass ในภาค 5 ลงไปเล็กน้อย แต่โดยรวมประโยชน์ของมันยังคงมหาศาล เพราะทำให้เราสามารถส่งเทิร์นให้กับตัวละครที่มีท่าโ๗มตีชนะทางศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องยอมเสียเทิร์นไปฟรี ๆ แม้จะไม่ได้เทพขนาดให้ Buff กับตัวละคร แต่ก็ยังมีประโยชน์มากมายเหมือนเดิม
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ศัตรูเท่านั้นที่มีการแพ้ทางธาตุ ตัวละครและเพื่อนร่วมทีมของเราเองก็มีการแพ้ทางธาตุด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้งาน Persona ตัวไหนอยู่ และตัวเอกจะเป็นคนเดียวที่สามารถสลับเปลี่ยน Persona มาใช้งานได้ตามสถานการณ์ ผสานกับท่าโจมตีต่าง ๆ ทั้งจากตัวเอกและเพื่อนร่วมทีมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนการหา Persona มาใช้งานนั้น เราจะได้จากการสุ่มหลังสู้จบ ในแต่ละรอบเราจะได้ Shuffle Time เพื่อเลือกเอาว่าจะรับเงิน EXP หรือ Persona ตัวใหม่(หรือถ้ามีตัวซ้ำอยู่แล้ว ก็จะไปเพิ่ม EXP ให้ Persona ชนิดเดียวกันแทน) หรือไม่ก็ทำการ Fusion ที่ Velvet Room ออกมาเป็นตัวใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม หรือถ้าจะให้ดีที่สุด ก็คือ Persona ที่ได้จากการเคลียร์ Social Link ของคนในเมืองหรือเพื่อนร่วมทีมให้เต็ม ซึ่งหาไม่ได้จากการผสมแบบปกติทั่วไป
และในภาคนี้จะมีระบบใหม่ที่เรียกว่า Theurgy ที่จะเป็น Skill แบบพิเศษของแต่ละตัวละคร ซึ่งหลังที่เกมเปิดให้ผู้เล่นใช้งานแล้ว ก็จะมีเกจแบบพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกหลอดนอกเหนือจาก HP และ SP ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน ก็จะเป็นการใช้ Skill ที่รุนแรงและตีทะลุความต้านทานธาตุได้เลย ซึ่งท่านี้ก็ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับ Showtime ใน Persona 5 Royal แต่มีความชัดเจนและสารพัดประโยชน์มากกว่า
โดยรวมแล้ว Gameplay ของ Persona 3 Reload นั้นมีการปรับปรุงขึ้นมากกว่าเดิมในทุกภาคส่วน แต่ก็อาจจะทำให้ความท้าทายที่มีอยู่เดิมของเกมลดน้อยลงไปมาก โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ผู้เล่นมีเลเวลสูงมากจนตีศัตรูทีเดียวก็ม่องเท่ง ก็ทำให้การสำรวจใน Tartarus หรือการต่อสู้นั้นจืดชืดลงไปพอดู ดังนั้นเราจึงขอแนะนำว่าไม่ต้องพยายามฟาร์มเลเวลมากนัก เอาแค่มีเลเวลนำศัตรูในฉากสัก 2-3 เลเวลก็อยู่ในเกณฑ์กำลังดีแล้ว
Performance
แม้จะยังใช้ Unreal Engine 4 ในการพัฒนาเช่นเดิม แต่ Persona 3 Reload นั้นมีการปรับปรุงในด้านของความสวยงามของกราฟฟิก ประสิทธิภาพความลื่นไหลต่าง ๆ ได้ลงตัวยิ่งกว่าเก่า และยังกินสเปคไม่มาก เรียกว่าเครื่อง PC ที่มีอายุประมาณ 5-6 ปีก็ยังเล่นได้สบาย แต่การเล่นบนเครื่องคอนโซลแบบ 30FPS เองก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่แย่แต่อย่างใด และยังคงได้รับประสบการณ์ของเกมอย่างเต็มเปี่ยมไม่ต่างกัน
ซึ่งในด้านของ Performance เราก็ไม่รู้ว่าติตรงไหนดี เพราะเรื่อง Bug ต่าง ๆ นั้นก็อาจจะมีบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้น และไม่ได้ส่งผลต่อการเล่น ดังนั้นไม่ว่าคุณเล่นบนระบบไหน ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เล่นได้อย่างสบายใจแน่นอน
Conclusion
Persona 3 Reload คือเกมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และเหมาะอย่างมากสำหรับคนที่อยากเข้ามาลองสัมผัสโลกของ Persona และยังสร้างกำลังใจให้เราอยากไปเล่นเกมอื่น ๆ ในซีรีส์นี้ต่อแบบไร้ข้อกังขา แม้ว่าเนื้อเรื่องของเกมจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก และมีอะไรบางอย่างที่อาจจะขัดใจแฟนรุ่นเก่าไปบ้าง แต่เราต้องยอมรับอย่างไร้ข้อกังขาว่า นี่คือเกม RPG ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคอเกมแนวนี้ที่ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
คะแนน 9/10