เมื่อพูดถึงเกมแนว RPG หรือเกมภาษาที่เรารู้จักในยุคนี้ มันค่อนข้างจะต่างกับเกมภาษาในยุคอดีต ที่ในสมัยก่อนเกมภาษาจะเป็นการเลือกคำสั่งเพื่อโจมตี ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวหรือการขยับแอ็กชันอะไรมากนัก และเกมภาษาส่วนมากจะเป็นแนวแฟนตาซีที่ไม่ใช่โลกในยุคปัจจุบัน แถมยังไม่มีเกมภาษาที่เป็นแนวสยองขวัญด้วย จนการมาถึงของเกม Parasite Eve ที่บอกนักเล่นเกมให้ทราบว่า เกมภาษาก็สามารถเป็นเกมสยองขวัญได้แม้มันจะสยองหลอนแบบไม่สุดก็ตาม โดยวันที่ 29 มีนาคม 1998 ก็ครบรอบ 26 ปีเกม Parasite Eve ได้วางจำหน่ายบน PlayStation 1 เรามาย้อนอดีตความหลังครั้งวันวานนี้กัน
ตัวเกม Parasite Eve เป็นเกมของค่าย Square เจ้าพ่อเกม RPG ที่ในยุคนั้นทางค่ายกำลังมือขึ้นทำเกมอะไรออกมาก็มีคนสนับสนุนมีคนซื้อ โดยตัวเกม Parasite Eve ก็เป็นการรวมยอดฝีมือในยุคนั้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง Hironobu Sakaguchi จากซีรีส์ Final Fantasy ผู้กำกับ Takashi Tokita จาก Chrono Trigger ส่วนดนตรีก็ได้ Yoko Shimomura จาก Super Mario RPG และ ได้ Nomura Tetsuya คนออกแบบตัวละครซีรีส์ Kingdom Hearts กับ Final Fantasy 7 มาร่วมงานด้วย โดยตัวเกมจะสร้างมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Hideaki Sena ที่ถ้าใครได้เคยอ่านนิยายมาแล้ว(ผู้เขียนเคยอ่าน) จะรู้ว่าเกมนี้มันไม่ใช่การดัดแปลงมาจากฉบับนิยาย แต่มันคือตอนต่อจากฉบับนิยายมากกว่า โดยเรื่องราวใน Parasite Eve จะกล่าวถึงโลกปัจจุบัน(ในตอนนั้น) ผ่านตัวนายตำรวจหญิง
Aya Brea ลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกันที่มาดูโอเปร่ากับกิ๊กที่ชวนเธอมาดู ระหว่างที่นางเอกของละครอย่าง Melissa Pearce กำลังร้องเพลง จู่ๆ เหล่าคนดูก็ลุกเป็นไฟอย่างไม่ทราบสาเหตุ จะมีแค่ Aya เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร เธอจึงควงปืนตามไปหลังเวทีเพื่อตามล่าหญิงสาวคนนั้นที่เปลี่ยนตัวเองเป็นตัวประหลาด และเปลี่ยนสัตว์ต่างๆ ให้เปลี่ยนรูปร่าง ซึ่ง Aya คือคนเดียวที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ เพราะอะไรทำไมมันเกิดอะไรขึ้นไปหาเล่นเอาเอง
ในช่วงที่เกม Parasite Eve วางจำหน่ายมันคือความแปลกใหม่ของเนื้อหา ที่แม้แต่ในยุคนี้ก็ยังไม่มีใครทำ เพราะตัวเกมมันผสมผสานระหว่างยุคปัจจุบันที่มีความสมจริงกับเวทมนต์ที่ไม่น่าจะรวมกันได้ แต่ตัวเกมก็แถให้มีเนื้อเรื่องลงไปได้อย่างลงตัว โดยที่ตัวของ Aya จะต่อสู้ด้วยปืนแบบต่างๆ ผสมกับพลังเวทที่จู่ๆ พลังในตัวเธอก็ถูกปลุกออกมา ซึ่งมันก็เกี่ยวกับอดีตของเธอสมัยเด็ก ที่บอกเลยว่าเนื้อเรื่องดีมากๆ ส่วนระบบการเล่นเมื่อถึงฉากต่อสู้ก็จะตัดเป็นมุมมองด้านบน พร้อมกับโดมครอบตัวละครเอาไว้ที่เราสามารถควบคุม Aya วิ่งไปมาในฉากเพื่อโจมตีศัตรูพร้อมคำสั่งแบบเกม RPG ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้ ตัวเกมมีทั้งหมด 3 ภาค ที่ทั้ง 3 ภาคก็เป็นคนละแนวกันเลย ใครที่เคยเล่นมาแล้วน่าจะจดจำความสนุกนั้นได้ดี และเกมนี้ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ เกมที่แฟนๆ อยากให้เอามา Remake ทำใหม่ทั้ง 3 ภาคเลย ส่วนใครที่อยากเล่นก็ลองไปหาแผ่นมือสองมาเล่นดู แล้วคุณจะรู้ว่าคนเมื่อ 26 ปีที่แล้วเขาสนุกกับเกมนี้ขนาดไหน
ที่มา https://www.famitsu.com/news/202403/29338067.html