คำเปรียบที่ว่า หน้าตาคือสิ่งที่คนเราจะติดสินกันเป็นอย่างไรว่าใครคนนั้นจะเป็นอย่างไร เคสของเครื่อง PC ก็คงไม่ต่างกันนัก เพราะมันคือสิ่งที่ทุกคนจะมองเห็นก่อนสำหรับเครื่อง PC มันคือกล่องขนาดใหญ่ที่บรรจุทุกอย่างเอาไว้ด้านในเพื่อรังสรรค์ความบันเทิงให้กับเรา อีกทั้งยังป้องกันฝุ่น เพิ่มความสวยงามและระบายความร้อนให้กับทั้งระบบอีกด้วย แต่ถึงไม่ได้เทพมาก แค่หน้าตาสวยงามมีไฟก็อาจจะชนะเลิศแล้วก็ได้
และในยุคนี้เราก็ได้เห็นเคสรุ่นใหม่ ๆ ที่มีความสวยงามและมีลูกเล่นใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นตามยุคสมัย มีตัวเลือกตามระดับราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ หรือสั่งทำก็ทำได้ทั้งสิ้น แล้วทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเคสที่เหมาะสมกับเราที่สุดจะเป็นยังไง วันนี้ 4 Gamers มีคำตอบให้คุณ
รู้จักกับเคสประเภทต่าง ๆ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเคสแบบต่าง ๆ กันก่อน ซึ่งโดยหลักแล้วจะมีวางขายหรือเรียกกันอยู่สามแบบดังนี้
Full Tower
เริ่มที่เคสขนาดใหญ่ที่สุดกันก่อน Full Tower เป็นเคสที่มีขนาดมหึมา ภายในโอ่งโถง ใส่ของต่าง ๆ ได้แบบจัดเต็มโดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่องขนาดหรือความใหญ่โตแต่อย่างใด จะชุดน้ำเปิดสอง Loop หกตอน การ์ดจอขนาด 3 Slot หรือเมนบอร์ดแบบ EATX ที่ใหญ่กว่าปกติก็ใส่ได้หมด
แต่ว่าใหญ่ขนาดนี้ ราคาที่ขายก็ต้องแพงเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งโดยมากเคสแบบ Full Tower จะมีราคาระดับเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไปสำหรับยี่ห้อดี ๆ ในท้องตลาด รวมไปถึงน้ำหนักของมันในแต่ละแบรนด์ก็ไม่ได้เบาเลย(เคสตัวเทพของ Corsair อย่าง Obsidian 1000D มีน้ำหนักเคสเปล่าอยู่ที่ 15 กิโลกรัม หนักระดับที่ผู้ผลิตยังบอกให้ยกสองคนตอนขนย้าย) แน่นอนว่าส่งผลต่อการซ่อมประกอบหรืออัปเกรดในอนาคตแน่นอน
สำหรับคนที่อยากจัดเต็มกับสเปค มีอะไรใส่หมด และอยากโชว์ของแบบเบิ้ม ๆ คือลือ โดยไม่สนงบประมาณ เคส Full Tower ก็ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ก็แลกมาด้วยราคาและความหนักที่ใหญ่ยิ่งเช่นกัน
Mid Tower
นี่คือเคสขนาดยอดนิยม มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์และราคา แม้จะไม่ได้ใหญ่ระเบิดระเบ้อ แต่ก็ใหญ่พอที่จะใส่ได้เกือบทุกอย่าง และเป็นขนาดมาตรฐานที่ทุกคนเลือกใช้งานกัน ซึ่งขนาดและน้ำหนักที่ไม่ใหญ่เบ้อเร้อเบ้อร้าก็ทำให้การอัปเกรดภายในและขนย้ายทำได้ไม่ลำบากอะไรนัก
แต่ในรายละเอียดลึก ๆ ก็ต้องมาดูกันให้ละเอียดอีกที เพราะแม้จะเป็นเคส Mid Tower เหมือนกัน แต่บางทีแบรนด์เดียวกันแต่คนละรุ่นก็สามารถใสของได้มากน้อยแตกต่างกันแล้ว บางรุ่นอาจจะใส่ชุดน้ำปิด 3 ตอนได้ แต่บางรุ่นก็ใส่ไม่ได้เพราะด้านบนกว้างไม่พอ ดังนั้นก่อนซื้อเคสก็ดูกันตรงนี้ให้ดี
Micro-ATX
เคสขนาดนี้เป็นขนาดที่เล็กกว่า Mid Tower อยู่ไม่น้อย และเป็นเคสที่ทำมาพอดีกับขนาดของเมนบอร์ดแบบ Micro-ATX เท่านั้นด้วยเช่นกัน เคสแบบนี้เหมาะกับคนที่ไม่ได้อยากได้เคสใหญ่ น้ำหนักเยอะ จนทำให้เกะกะบดบังทัศนียภาพบนโต๊ะทำงานของตัวเอง และยังเคลื่อนย้ายได้สะดวกกว่าแบบ Mid Tower เพราะน้ำหนักโดยรวมจะเบากว่านั่นเอง
แต่แน่นอน ด้วยขนาดที่เล็กลง ทำให้ตัวเลือกในการใส่ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ นั้นลดน้อยลงไปด้วย เพราะเคสแบบ Micro-ATX มักจะใส่การ์ดจอที่ใหญ่กว่า 2 Slot ไม่ได้(RTX 4090 หมดสิทธิ์แน่นอนถ้าไม่ได้โมหรือการ์ดยาวเกินไป) รวมไปถึงชุดน้ำระบบเปิดนี่เลิกคิดไปได้เลย แค่สองตอนหรือ Sink ลมก็น่าจะเต็มกลืนแล้ว
Mini-ITX
นี่คือเคสที่มีขนาดจิ๋วที่สุดในท้องตลาด เล็กขนาดที่เรียกได้ว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แบกของหนัก ๆ ไม่ค่อยได้ยังแบกไปไหนมาไหนได้สบาย ซึ่งบางรุ่นก็มีหูหิ้วมาให้ด้วย เรียกว่าเป็นเคสที่ออกแบบมาเพื่อการพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกและสบายกว่า Micro-ATX อย่างมาก
ข้อเสียชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องของความจำกัดจำเขี่ยในการเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ที่ยากยิ่งกว่าเดิม เมนบอร์ด Mini-ITX นั้นใส่ RAM ได้น้อยกว่าเมนบอร์ดแบบ M-ATX เสียอีก แถมเทียบราคาต่อสเปคแล้วจะค่อนข้างแพงกว่าบอร์ดตัวอื่น ๆ ด้วยซ้ำ รวมถึงภาคจ่ายไฟที่น้อยลงไปด้วย แม้จะทำเคสแบบหมกของแรงได้ แต่ก็น่าจะต้องเสียเงินโมของโมเคสหมดไปอีกหลายหมื่นได้เลย
ทั้งหมดนี้คือประเภทต่าง ๆ ของเคสเครื่อง PC ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งก็มีฟังก์ชั่นที่ครอบคลุมต่อการใช้งานในแต่ละแบบอยู่แล้ว ทีนี้ถ้าเราจะเลือกเคสดี ๆ ให้เหมาะกับการใช้งาน สิ่งสำคัญที่ต้องดูนั้นมีดังต่อไปนี้
ดูการใช้งานและของที่ต้องการ
ถ้าคุณอยากได้เครื่อง PC สำหรับการเล่นเกม แต่ไม่อยากได้เคสใหญ่เกินไป แต่ก็ใหญ่พอที่จะใส่ชุดน้ำแบบปิด 3 ตอนได้ เคสแบบ Mid Tower ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการแล้ว เพราะแทบทุกรุ่นนั้นยังไงก็ใหญ่พอที่จะใส่เมนบอร์ดแบบ ATX ที่เป็นไซส์มาตรฐานอยู่แล้ว แถมน่าจะมีที่เหลือพอใส่พัดลมสำหรับระบายอากาศได้ด้วย
หรือถ้าคุณไม่ได้เป็นสายเกมเมอร์จ๋า ๆ แต่อยากมีเครื่อง PC ที่พกพาไปไหนมาไหนได้เพราะเดินทางบ่อย เคสแบบ Mini-ITX ก็น่าจะเหมาะกับความต้องการของคุณ แค่หาปลั๊กไฟ เมาส์ คีย์บอร์ด กับจอเสริมมาก็ใช้งานได้แล้ว อีกทั้งถ้าวางบนโต๊ะก็จะไม่เกะกะเกินไปอีกด้วย
ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ ทุกคนควรดูการใช้งานของเราเป็นหลักว่าอยากได้เท่าไหร่ ใส่ของแน่นแค่ไหน ก็จัดไปตามความต้องการและดูสเปคให้ดี ๆ ก่อนซื้อละกัน
ขนาดใหญ่พอที่จะใส่ทุกอย่างที่ต้องการได้
ข้อนี้สัมพันธ์กับข้อที่แล้ว เราต้องไม่ลืมว่าขนาดของฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ นั้นมีแต่จะใหญ่ขึ้นทุกวัน การ์ดจอรุ่นแรง ๆ อย่าง RTX 4070 ขึ้นไปก็เริ่มจะใหญ่เกิน 2 Slot แถมยังยาวเป็นฟุต เคสเล็ก ๆ ไม่น่าจะรับไหวแน่ มันถึงมีกรณีที่แบบที่เวลาที่หลายคนอยากจะอัปเกรดการ์ดจอ มักจะยัดเข้าไปไม่ได้ เพราะการ์ดจอใหญ่เกินขนาดเคสไปเป็นคืบ หรือชุดน้ำสามตอนที่หลายเคสใส่ไม่ไหว เพราะพื้นที่ด้านบนหรือด้านข้างไม่พอก็มีให้เห็นกันตลอด
เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูขนาดของเคสและฮาร์ดแวร์ที่เลือกให้ดี ว่าใหญ่ไปหรือเล็กไป เลือกให้เหมาะสมกับของที่เราจะใส่เข้าไป และใส่ได้ครบทุกอย่างที่ต้องใช้ด้วย
มีลูกเล่นที่อยากได้อยากมี
ทุกวันนี้เคส PC แบบมีจอ หรือแบบตู้ปลาเห็นของที่อยู่ข้างในเกือบรอบด้านนั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากจนแทบเป็นยุคทองได้เลย แถมยังมีฟังก์ชั่นสำหรับการอัปเกรดที่เพียงพอต่อการใช้งานและอัปเกรดที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกซื้อแบรนด์ไหน รุ่นอะไร มีให้เลือกเยอะมากจนตาลายได้เลย
ดังนั้นก็อย่าลืมพิจารณาให้ดีว่าคอมในฝันของเรานั้นอยากจะได้อะไร อยากจะมีอะไร อยากได้จอก็จัดรุ่นมีจอไป อยากได้รุ่นที่เป็นตู้ปลาด้วย มีจอด้วย ก็มีรุ่นที่สำเร็จรูปขายหรือซื้อมาเสริมทีหลังก็ได้เหมือนกัน และแน่นอน อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับเงินในกระเป๋า ไม่แพงจนเกินไปด้วย
ต้องมี Air Flow หรือการหมุนเวียนอากาศที่ดี
เราจะรู้ได้ไงว่าเคสที่เราซื้อนั้นเป็นที่ดีหรือเปล่า? หนึ่งในคุณสมบัติของเคสที่ดีก็คือมีการจัดการเรื่อง Air Flow ในเคสที่ดีนั่นเอง ซึ่งการทำให้เกิด Air Flow ที่ดีได้นั้นมาจากพัดลมและรูระบายอากาศ ตัวกรองฝุ่นเข้าเครื่อง จำนวนพัดลมที่ติดตั้งมาให้ เหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้การไหลเวียนของอากาศนั้นเป็นไปได้ด้วยดี และทำให้เครื่อง PC ทำงานได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
แม้ว่าบางเคสอาจจะมี Air Flow ที่ดีมากอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีการเติมพัดลมหรือชุดน้ำเข้าไป ก็จะทำให้การระบายความร้อนทำได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนเคสที่แย่นั้นอาจจะไม่มีทางระบายอากาศที่ดีนัก ซึ่งต่อให้ใส่พัดลมเข้าไปเพิ่มก็น่าจะไม่ช่วยอะไร ดังนั้นดูเคสที่มี Air Flow ดี ๆ เอาไว้ก่อนจะดีที่สุด
เหมาะสมกับงบประมาณ ไม่ต้องเติมอะไรเพิ่มเยอะ
เรื่องของการเติมของเข้าไปในเคสนั้นถือว่าเป็นเรื่องของปัจเจก ใครจะเพิ่มอะไรก็ไม่มีใครว่า แต่ก็ต้องไม่ลืมนึกถึงจำนวนเงินในกระเป๋าด้วย เพราะก็มีหลายคน(รวมถึงผู้เขียนเอง) ที่จัดเพลินจนเกินงบไปไกลโขอยู่ ซึ่งของที่ไม่ได้เกี่ยวกับเคสนั้นซื้อมาใส่ทีหลังได้ ยังไงก็คุมงบคุมเงินคุมความอยากตัวเองให้ดี ๆ ก็แล้วกัน
ทั้งหมดนี้คือวิธีการเลือกเคสที่ถูกใจ เหมาะสมกับการใช้งานของทุกคน ซึ่งก็เหมือนเช่นเคย เราก็หวังว่าทุกท่านจะสามารถเลือกซื้อเคสที่สวยงามเหมาะสมกับการใช้งานของทุกคนได้นะครับ