ยังคงโดนสับเละอย่างต่อเนื่องสำหรับเกม Assassin’s Creed Shadows ที่ตอนนี้ก็มาถึงความคิดเห็นของทางชาวเกมฝั่งประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ทาง Ubisoft ได้หยิบยกมาเป็นแกนเรื่องของเกมภาคล่าสุดนี้ ซึ่งผลปรากฏว่า ชาวญี่ปุ่นก็ไม่พอใจอย่างมากเช่นกัน!
Assassin's Creed Shadows ได้หยิบยกเอาประวัติศาสตร์ในช่วงยุคสมัยเซ็นโกกุ ที่ยังเป็นยุคของระบบศักดินา ที่โชกุน ขุนนาง และซามูไรมีบทบาทสำคัญอย่างมาก สำหรับตัวเกมที่ปล่อยตัวอย่างออกมาในตอนแรก ก็เสียงแตกออกเป็นสองทางทันที บางคนพบว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากที่จะเอาวัฒนธรรมอันน่าหลงใหลที่มีอยู่จริงมาผสมผสานเรื่องราวแฟนตาซี แต่ในทางกลับกันทีมงานกลับทำทุกอย่างพังเละเทะด้วยสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ และความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย
ฉากหนึ่งในตัวอย่างเกม ได้ถูกชาวเน็ตจับผิดภาพว่า ทีมงานได้ทำให้ประเพณีปฏิบัติของญี่ปุ่นพังย่อยยับ เช่น สถาปัตยกรรมอย่างเพดานห้องที่สูงมากจนผิดหลักการก่อสร้างของญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้น แถมประตูบานเลื่อนโชจิก็ยังสูงตามเพดานไปอีก ไหนจะเสื่อทาทามิที่มีรูปทรงไม่ได้ตามมาตรฐาน ขอบเสื่อทาทามิที่ไม่สม่ำเสมอ แถมยังดูไม่เหมือนเสื่อเลยสักนิด
ไหนจะเรื่องมารยาทพิธีการที่สำหรับชาวญี่ปุ่นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก อย่างลำดับชั้นการนั่งสนทนาระหว่าง โอดะ โนบุนากะ กับคนรับใช้ ที่เขากลับนั่งพื้นในระดับเดียวกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แทนที่จะลงไปนั่งข้างล่าง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างร้ายแรงเลยทีเดียว
แถมท่านั่งของของเหล่านายพลในฉากก็เป็นท่านั่งที่ไม่ถูกต้องตามยุคประวัติศาสตร์ เหล่าขุนนางควรจะนั่งท่าขัดสมาธิที่เป็นที่นิยมในยุคโตกุกะวะมากกว่าจะนั่งทับส้นแบบเซอิซา แถมดูเหมือนว่าขุนนางบางคนจะนั่งทับขอบเสื่อทาทามิที่เป็นเรื่องเสียมารยาทอีกเช่นกัน
อีกทั้งทรงผมของเหล่าขุนนางที่มัดขึ้นเป็นมวยสูงนั้นเป็นของยุคเอโดะ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เกิดขึ้นหลังจากยุคเซ็นโกกุ ไปจนถึงสีสันของเสื้อผ้าชนชั้นขุนนางที่ขาดหายไป จนเหมือนเป็นการรวมตัวนั่งพูดคุยของชาวบ้านยุคเอโดะเสียมากกว่า
แต่ที่ดูแล้วไม่น่าให้อภัยและผิดพลาดร้ายแรงมากที่สุด ดูเหมือนจะเป็น ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลโนบุนากะ ที่อยู่บนเสื้อคลุมนั้นกลับหัว!
ทำให้ AC Shadows กลายเป็นเกมที่แย่ตั้งแต่เปิดตัว เพราะแฟรนไชส์ภาคที่ผ่านมา ทีมงานเก็บข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น มหาวิหาร Notre Dame ใน Assassin's Creed Unity ที่แม่นยำอย่างมากจนสามารถใช้ในการอ้างอิงการบูรณะหลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี 2019
มันจึงกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ภายในทีมพัฒนาเกมไม่มีผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นหรือผู้ที่รู้จริงร่วมทีมเป็นที่ปรึกษาอย่างถูกต้องจริงจัง งานนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปยาว ๆ ว่า Ubisoft จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างไร และ จะแก้ไขตัวเกมอย่างไรในอนาคต