ทุกตำนานย่อมมีจุดเริ่มต้น และเมื่อวันเวลาผ่านไปสิ่งที่เคยมีจากจุดเริ่มต้นนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา ต่างกับซีรีส์เกมอย่าง Dragon Quest ที่แม้วันเวลาจะผ่านมากว่า 38 ปีแล้วจนตอนนี้ถึงภาคล่าสุดอย่าง Dragon Quest Xl ตัวเกมยังคงเอกลักษณ์กลิ่นอายและระบบการเล่นของเกม Dragon Quest ภาคแรกเอาไว้จนถึงตอนนี้ และวันที่ 27 พฤษภาคม ปี 1986 วันที่เกม Dragon Quest ภาคแรกวางจำหน่าย วันที่ใครหลาย ๆ คนได้รู้จักคำว่าผู้กล้าและตำนานโรโตะจากเกมนี้ เรามาย้อนเวลาดูความทรงจำกับเกมนี้กัน
เริ่มจากเนื้อเรื่องของเกมกันก่อน เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว เคยมีนักรบผู้กล้านายหนึ่งออกเดินทางเพียงลำพัง เพื่อช่วยเจ้าหญิงที่ถูกราชามังกร ที่ปราสาทอยู่เยื้องกับปราสาทเพียงแค่ข้ามแม่น้ำจับตัวไป ในตอนนั้นพระราชาที่กำลังเดือนร้อนพระทัย จึงประกาศตามหาผู้กล้าที่จะมาปราราชามังกร ก็มีชายคนหนึ่งบอกว่าตัวเองนั้นคือผู้สืบสายเลือดแห่งโรโตะ จะขออาสาไปปราบราชามังกรและช่วยเจ้าหญิงเอง พอพูดจบพระราชาก็ดีใจให้ไม้กระบองเรามา 1 อันและอวยพรให้เราโชคดี (อันนี้มุก) โดยการเดินทางไปปราสาทราชามังกรที่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำมันยากมาก ๆ เพราะในอาณาจักรนี้ไม่มีเรือ (รูปประกอบด้านล่าง) ผู้กล้าอย่างเราเลยต้องไปราบรวมของวิเศษเพื่อสร้างสะพานสายรุ้ง ในการเดินทางไปยังปราสาทราชามังกร นั่นคือเรื่องราวในเกมนี้
ส่วนระบบการเล่นจะเป็นแนวมุมมองด้านบนตอนเดินในฉาก พอเจอศัตรูก็จะตัดเข้าฉากต่อสู้ที่เป็นมุมมองบุคคลที่ 1 (เห็นแต่มอนสเตอร์) ตอนเล่นเราต้องอ่านค่าต่าง ๆ ที่ขึ้นข้างล่าง อย่าง อะเฮือก ผู้กล้าโดนโจมตี 10 หน่วย ตูม (มอนเตอร์ตัวกระพริบ) ผู้กล้าโจมตีใส่สร้างความเสียหา 2 หน่วย ซึ่งเด็ก ๆ ในบ้านเราสมัยนั้นอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ต้องใช้หนังสือบทสรุปในการเล่น แถมตอนเล่นก็จะต้องจดสูตรเพื่อเซฟเกมลงในสมุด ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นยาว ๆ ที่ถ้าเขียนผิดไปตัวเดียวก็ไม่ต้องเล่นกันเลย จนหลาย ๆ คนใช้การเล่นแบบทีเดียวจบเพื่อตัดปัญหา
แต่ตัวเกมก็ค่อนข้างยากถึงยากมาก ๆ เพราะเมื่อข้ามมายังส่วนใหม่ศัตรูก็จะแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อเราตุยเงินที่มีก็จะถูกหักครึ่งหนึ่ง เราเลยต้องสู้เก็บเวลไปเรื่อย ๆ เพื่อรวมเงินไปซื้ออาวุธชุดเกราะและรวบรวมของวิเศษจนไปถึงปราสาทราชามังกร พอเจอกันราชามังกรจะถามเราว่า "เจ้าเก่งมากผู้กล้าที่มาถึงที่นี่ได้ ข้าจะแบ่งโลกให้เจ้าปกครองครึ่งหนึ่งถ้าเจ้ายอมเป็นพวกข้า" แน่นอนว่าเราที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็ตกลงไป เกมก็จบลงตรงนี้ (อ้าว) แต่เมื่อเราตอบไม่เอาการต่อสู้จึงเริ่มต้นขึ้น นั่นคือภาพจำของคนที่เล่นเกม Dragon Quest ในตอนนั้น
ตัวเกม Dragon Quest หรือในชื่อ Dragon Warrior เมื่อวางจำหน่ายในอเมริกา คือเกมที่เกิดจากความคิดจินตนาการของ สร้างขึ้นโดยคุณ โฮริอิ ยูจิ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเกมสวมบทบาทอย่าง Wizardry กับ Ultima และเกมของเขาเองอย่าง The Portopia Serial Murder Case โดยเกมเหล่านี้จะต้องใช้โค้ดการออกคำสั่งที่ยุ่งยาก ที่แม้จะสนุกแต่มันเข้าถึงยากโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นในยุคนั้น ทางคุณโฮริอิเลยพัฒนาเกม Dragon Quest ออกมาโดยการย่นย่อทุกอย่างให้ง่ายขึ้นเหลือเพียงคำสั่งไม่กี่อัน เมื่อเริ่มสร้างทางค่ายก็เชิญอาจารย์ โทริยามะ อากิระ ผู้เขียน Dragon Ball ที่กำลังโด่งดังในขณะนั้นให้มาร่วมออกแบบตัวละครในเกมและปก แถมยังได้คุณ ซูงิยามะ โคอิจิ ผู้แต่งเพลงเปิดในตำนานที่เราคุ้นหูในตอนนี้ ตัวเกม Dragon Quest ขายได้ มากกว่า 1 ล้านชุดภายในหกเดือนแรก จนจบการขายในเวอร์ชันดั้งเดิมที่ 1.5 ล้าน เรียกว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ
จนถึงทุกวันนี้ตัวเกม Dragon Quest ถูกเอามาทำใหม่หลายต่อหลายครั้ง และวางจำหน่าบนทุกเครื่องแม้แต่บนโทรศัพท์มือถือและบน PlayStation 5 ใครที่สนใจอยากลองเล่นเกมระดับตำนานก็ไปหาซื้อมาเล่นกันได้ ส่วนตลับต้นฉบับเมื่อปี 1986 ก็พอจะหาได้ตามตลาดขายของมือ 2 ทั้งแบบมีกล่องคู่มืครบและแบบตลับเปล่า ๆ ให้สะสม (ก็ขายได้ตั้ง 1.5 ล้านเลยหาไม่ยาก) ใครสนใจก็ไปตามหามาเก็บสะสมกันดู พอเล่นจบก็ไปเล่นภาค 2 และต่อด้วยภาค 3 เพราะเนื้อเรื่องมันเชื่อมกัน แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมเกมซีรีส์ถึงเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวญี่ปุ่นและบ้านเรามาจนถึงทุกวันนี้