![](https://img.4gamers.com.tw/ckfinder-th/image2/auto/2024-07/megamanx7-1649187033694-240717-175749.jpg?versionId=uPgLNbMg8HTXwMVp2UMdJx0JEDYTSCx_)
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 1993 ช่วงเดือนธันวาคมตอนที่เครื่อง Super Famicom กำลังเป็นเจ้าตลาดในตอนนั้น ก็มีเกมภาคใหม่ในซีรีส์ Rockman กำเนิดขึ้นมาในชื่อ Rockman X โดยตัวเกมในซีรีส์นี้จะเป็นการเดินทางของ เอ็กซ์ หุ่นยนต์ปริศนาที่ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน แต่สิ่งที่เรารู้คือเขาเกี่ยวกับ ดร.ไลท์ ผู้สร้าง Rockman ในอดีต โดยตัวของเอ็กซ์นั้นจะสามารถเอาพลังของบอสที่สู้ชนะมาใช้ได้ แถมยังสามารถเพิ่มพลังด้วยการสวมชุดเกราะตามส่วนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวละคร จนทำให้เกมซีรีส์ Rockman X โด่งดังมาเรื่อย ๆ จนมาถึง Rockman X 5 ทางผู้สร้างต้องการจบเรื่องราวทุกอย่างลงตรงนี้ แต่ทาง Capcom ที่เป็นเจ้าของค่ายเห็นว่าซีรีส์นี้ยังไปต่อได้ เลยเข็น Rockman X 6 กับ 7 และ 8 ตามออกมา โดยใน Rockman X 7 นั้นก็ดันทำออกมาเป็น 3D เสียด้วย และวันที่ 17 กรกฎาคม 2003 คือวันวางจำหน่ายเกมนี้ เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวของเกมภาคกัน
เริ่มจากเนื้อเรื่องกันก่อนตัวเกมภาคที่ 7 ของ Rockman X นี้เราจะไม่ได้เล่นเป็นเอ็กซ์ตั้งแต่ต้นแบบในภาคอื่น ๆ แต่ภาคนี้เราจะได้เล่นเป็น ซีโร่ พระเอกตัวแดงที่เปลี่ยนจากพระรองมาเป็นพระเอกคู่ พร้อมกับตัวละครใหม่ในภาคนี้อย่าง แอ็คเซล ที่เคยเป็นสมาชิกของ Red Alert ส่วนเอ็กซ์นั้นเบื่อหน่ายการต่อสู้จึงขอเกษียณไปใช้ชีวิตสงบสุข โดยเรื่องราวใน Rockman X 7 จะเป็นเนื้อเรื่องการถูกตามล่าของแอ็กเซลจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย Red Alert ซึ่งตัวของแอ็คเซลมีพลังบางอย่างที่พวกนั้นต้องการ ทางซีโร่ที่รู้จึงมาช่วยเหลือแอ็คเซลนั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ของเกมภาคนี้
โดยจุดเด่นจุดขายและเป็นจุดที่ทำให้หลายคนเลิกเล่นภาคนี้ เพราะตัวเกมเปลี่ยนจาก 2D มาเป็น 3D ทั้งหมด แต่ในหลาย ๆ ฉากก็ยังคงเป็น 3D ด้านบ้างที่ให้อารมณ์แบบ 2D ดั่งเดิม ซึ่งการเปลี่ยนแนวทางมาเป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่ในแง่ของตัวเกม แต่มันคือหายนะของคนเล่นที่หลายคนบ่นว่ามันไม่สนุกอย่างที่ต้องการ แม้จะมีตัวละครใหม่ออกมาและเอาเอ็กซ์ไปพัก (แต่ไม่นานก็กลับมา) ก็ไม่ได้ทำให้เกมมันดูสนุกขึ้นมาเลย ตรงข้ามมันกับดูขาด ๆ เกิน ๆ เมื่อเทียบกับแบบเก่าที่แฟน ๆ คุ้นเคยมากกว่า (จุดสูงสุดของ Rockman X คือภาคที่ 4)
![](https://img.4gamers.com.tw/ckfinder-th/image2/auto/2024-07/ืดเ-240717-182044.jpg?versionId=3C4uKA1ndgv4q1jAXK3suNZSByeN_Mrp)
จากข้อมูลบอกว่าตัวเกมได้รับการพัฒนาโดยทีมงานประมาณ 30 คน นำโดยโปรดิวเซอร์ เท็ตสึยะ มินามิ และ เท็ตสึยะ คิตะบายาชิ จาก Capcom Production Studio 3 โดยทั้งคู่อธิบายว่าการเปลี่ยนโมเดลตัวละครของ Rockman X จากกราฟิก 2D ไปเป็น 3D นั้นเป็นความท้าทายและไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งทางทีมงานต้องการเปลี่ยนเกมนี้เป็น 3D ตั้งแต่ Rockman X6 แล้วแต่ก็เปลี่ยนใจมาทำแบบ 2D ก่อนจะมาเริ่มเป็น 3D ในภาคที่ 7 และเมื่อมีการเปลี่ยนกราฟิกทางทีมงานจึงพยายามใส่ความสดใหม่ แต่ยังคงสไตล์แอ็กชันที่แฟรนไชส์ Rockman X คุ้นเคย ควบคู่ไปกับเนื้อเรื่องที่มีธีมสำหรับผู้ใหญ่มากขึ้นของซีรีส์ RockMan X รวมถึงการเพิ่มตัวละครใหม่อย่าง แอ็กคเซล ลงมาเพื่อทำให้การเล่าเรื่องมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ตัวเกม Rockman X 7 เปิดตัวด้วยยอดขายที่ญี่ปุ่นในฐานะเกมที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 3 เมื่อวางจำหน่าย พอมาสัปดาห์ที่สองเกมก็ขายได้ 71,739 ชุด และเมื่อวางจำหน่ายในสัปดาห์ที่สามก็ขายได้ 89,775 ชุด จนสิ้นปี 2003 ก็ขายได้ 111,778 ชุด ในส่วนของรีวิวก็มีไปทางติติงมากกว่าชมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมก็ไปต่อที่ Rockman X 8 ที่ก็ทำออกมาไม่สนุกพอ ๆ กับภาคนี้เลย (ไม่เชื่อลองไปหามาเล่นดูแล้วคุณจะรู้)
มาถึงตรงนี้ใครที่สนใจอยากหาเกมนี้มาเล่นดู ทาง Capcom ก็มีเกม Mega Man X Legacy Collection 1 กับ 2 มาให้เราได้เล่น ซึ่งตัวเกม Rockman X 7 หรือ Mega Man X 7 จะอยู่ใน Mega Man X Legacy Collection 2 ที่รวมตั้งแต่ Mega Man X 5 จนถึง 8 และภาคเกมภาษาให้เราได้เล่น (ใช่ครับ Rockman X เคยเป็นเกมภาษา) ส่วนใครที่สนใจแบบแผ่นก็มีขายราคาก็ตามสภาพตั้งแต่หลักร้อยกลาง ๆ ไปจนถึงหลักพันต้น ๆ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำก็เล่นที่ภาค 1 ถึง 5 พอ นอกนั้นไม่ต้องเสียเวลาเล่นเพราะไม่สนุกอย่างที่คิด