
ย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่เกม Bio Hazard หรือ Resident Evil กำลังโด่งดังไปทั่วโลก ทาง Capcom ที่รู้ว่าเกมซีรีส์นี้คือห่านทองคำที่ต้องรีบสร้างภาคต่อออกมาเยอะ ๆ เพื่อขายให้กับแฟน ๆ เพราะเมื่อตอนที่ Resident Evil 2 วางจำหน่ายบน PlayStation 1 มันก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนทาง Capcom อยากยืนยันความสำเร็จนี้อีกครั้งบนเครื่องตัวเดิม ขณะที่ทาง Sega ก็ปล่อยเครื่องเกมตัวใหม่อย่างเวทีฝันอย่าง Dreamcast ซึ่งเป็นเครื่องที่มีกราฟิกสวยกว่า PlayStation 1 ขณะที่ข่าว PlayStation 2 ก็กำลังจะเปิดตัว ทางทีมพัฒนา Capcom จึงต้องแยกเป็นสองทีมเพื่อพัฒนาซีรีส์ Resident Evil ให้ลงทั้งเครื่องเจนเก่าและใหม่ โดยเกม Resident Evil บน PlayStation 1 นั่นก็คือเกม Resident Evil 3 เพื่อดึงผู้เล่นเก่าให้ยังคงซื้อเกมนี้แทนที่จะเป็นเครื่องใหม่ และวันที่ 22 กันยายน 1999 ก็ครบรอบ 25 ปีเกม Resident Evil 3 Nemesis Bio Hazard 3 Last Escape เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวของเกมนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
ตัวเกม Resident Evil 3 ได้รับการพัฒนาโดย Capcom และผลิตโดย ชินจิ มิคามิ ที่เป็นผู้กำกับ Resident Evil ต้นฉบับและ Resident Evil 2 หลังจากที่ Resident Evil 2 ออกวางจำหน่ายและประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายทาง Capcom ก็รีบสร้างโครงการ Resident Evil ออกมาอีกหลายภาค โดยมี ฮิเดกิ คามิยะ เป็นผู้กำกับ ที่ตอนแรกมีการวางแผนไว้ว่าภาคต่อไปจะเกิดขึ้นบนเรือสำราญ และจะเกี่ยวข้องกับ HUNK ที่พยายามนำตัวอย่างของ G-Virus กลับมา แต่สุดท้ายทาง Capcom ได้ยกเลิกโครงการนี้ หลังจากที่ Sony ประกาศ PlayStation 2 แต่ก็อีกนานกว่าจะมีการเปิดตัว ทาง Capcom ที่ไม่ต้องการให้แฟน ๆ รอคอยหลายปีสำหรับ Resident Evil ใหม่บน PlayStation 2 จึงเกมภาคแยกป้อนให้แฟน ๆ บน PlayStation 1

โดยโครงการที่เลือกทำนั้นเป็นผลงานทีมงานที่ไม่มีประสบการณ์ทำซีรีส์นี้ ซึ่งนำโดยผู้กำกับ คาซึฮิโระ อาโอยามะ ที่ต้องการสร้างเนื้อเรื่องของตัวละครใหม่ที่พยายามหลบหนีจาก Raccoon City ซึ่งทาง Capcom ก็ไฟเขียวในเรื่องนี้แต่ก็เปลี่ยนจากตัวละครใหม่มาเป็น จิล วาเลนไทน์ และตัดสินใจว่า Raccoon City จะถูกทำลายในภาคนี้ ซึ่งแตกต่างจากสคริปต์ส่วนใหญ่ในช่วงแรกที่ทางคาซึฮิโระร่าง
ในส่วนของตัวเกม Resident Evil 3 ใช้เอนจิ้นเกมเดียวกันกับรุ่นก่อนที่เรนเดอร์ภาพไว้ล่วงหน้าแบบ 2 มิติ ขณะที่วัตถุที่เคลื่อนไหวเช่นศัตรูและองค์ประกอบเชิงโต้ตอบบางอย่างจะถูกสร้างกราฟิก ซึ่งทางนักพัฒนาเลือกเทคนิคนี้เพราะการมีกราฟิก 3 มิติเต็มรูปแบบจะไม่ทำให้พวกเขาสร้างสภาพแวดล้อมที่มีกราฟิกที่สมบูรณ์และมีรายละเอียดได้ เพราะเทคโนโลยีในยุคนั้นค่อนข้างจำกัด ซึ่งต่างจาก เกม Resident Evil ภาคก่อน ๆ ที่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในอาคาร แต่ Resident Evil 3 เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในถนนและเมือง ทางทีมงานจึงเลือกทำแบบนี้

และพอเป็นภาคใหม่ทาง Capcom จึงเพิ่มระบบความเป็นแอ็กชันให้มากขึ้น ทั้งการหมุนตัว 180 องศาและคุณสมบัติหลบเลี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี นอกจากนี้ผู้พัฒนายังออกแบบเกมเพื่อให้ซอมบี้ปรากฏตัวพร้อมกันได้มากถึง 9 ตัวในฉาก และปรับปรุงปัญญาประดิษฐ์เพื่อล่าผู้เล่นขึ้นที่เรียกว่า Nemesis ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก T-1000 จากภาพยนตร์ Terminator 2 Judgment Day ซึ่งมิคามิกล่าวไว้ว่า "ผมต้องการนำความกลัวประเภทใหม่มาสู่เกม ความรู้สึกหวาดระแวงที่คงอยู่ตลอดเวลา เนเมซิสจะทำให้ความรู้สึกนั้นอยู่ในหัวของผู้เล่นตลอดเวลา และเมื่อมันหายไปหลังจากการเผชิญหน้าครั้งแรก คุณจะใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ว่ามันจะโจมตีครั้งต่อไปเมื่อไหร่จะมาตอนไหน แนวคิดคือทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังถูกสะกดรอยตามตลอดเวลา"

ในส่วนของยอดขาย Resident Evil 3 วางจำหน่ายก็ประสบความสำเร็จเป็นอยางมาก โดยขายได้มากกว่า 1 ล้านชุดทั่วโลกภายในต้นเดือนตุลาคม ตามข้อมูลของ NPD บอกว่า Resident Evil 3 เป็นเกมที่ขายดีที่สุดสำหรับ PlayStation ในสหรัฐอเมริกาในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน ในยุโรปเกมดังกล่าววางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2000 ก็กลายเป็นเกมขายดีในสหราชอาณาจักร และได้รับรางวัลยอดขาย Gold จาก Entertainment and Leisure Software Publishers Association ซึ่งระบุยอดขายอย่างน้อย 200,000 ชุด จนเดือนมิถุนายน 2012 ที่เป็นการหยุดผลิตวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตัวเกม Resident Evil 3 มีการขายเฉพาะเวอร์ชัน PlayStation 1 ก็ไปแล้วรวม 3.5 ล้านชุดเลยทีเดียว

ผ่านมา 25 ปีตัวเกม Resident Evil 3 ก็ยังคงเป็นเกมที่เล่นสนุกเนื้อเรื่องดี ทั้งระบบทางเลือกที่เปลี่ยนเรื่องราวในเกมบางส่วนให้ต่างออกไปเล็กน้อย รวมถึงระบบการหลบที่ทำให้ตัวเกมสนุกมากขึ้น ที่ต่างกับ Resident Evil 3 Remake ที่ดูเหมือนจะรีบทำไปหน่อยเลยตัดหลาย ๆ ส่วนที่น่าจะมีในเกมหลักออกไปอย่างน่าเสียดาย ใครที่สนใจอยากเล่นเกม Resident Evil 3 ต้นฉบับตัวเกมก็มีขายอยู่บนเครื่องเกมต่าง ๆ ทั้งคอนโซล PC ใครสนใจก็ไปหามาเล่นกันได้ ส่วนราคาแผ่น PlayStation 1 ของเกมนี้ราคาก็หลักสิบไปจนถึงร้อยต้น ๆ ใครสนใจก็ไปหาซื้อมาเก็บได้ ของดีระดับตำนานแบบนี้แนะนำให้มีมาสะสมเป็นอย่างยิ่ง