ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อราว ๆ ปี 90 ยุคที่วิดีโอเกมยังเป็นแบบนั่งเล่นกันในบ้าน เกมพกพาก็เป็นแบบจอขาวดำนั่งหันหลังให้แสงตอนเล่น และเล่นในที่มืดไม่ได้ถ้าไม่มีอุปกรณ์เสริม ส่วนเครื่องเกมจอสีก็มีหลายเจ้าในตลาดอย่าง Game Gear กับ PC Engine GT ที่เรียกว่าสูบถ่านเร็วมาก ๆ โดยเล่นได้ประมาณ 3 ชั่วโมงถ่าน 6 ก้อนก็หมดแล้ว และในสมัยนั้นถ่านชาร์จยังไม่มีหรือมีก็ยังไม่แพร่หลายราคาแพงจนไม่มีใครเอามาใช้ จนการมาถึงของ Game Boy Color ที่มาปติวัตรวงการเกมให้เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น และวันที่ 21 ตุลาคม 1998 ครบรอบ 26 ปีเครื่อง Game Boy Color วางจำหน่าย เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวของเครื่องเกมนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
จุดกำเนิดของ Game Boy Color นั้นเริ่มจากคุณ โอกาดะ ซาโตรุ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการออกแบบ Game Boy ดั้งเดิม เขาได้ทดลองใช้จอภาพแบบสีบน Game Boy และสร้างต้นแบบในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยมีชื่อรหัสว่า Project Atlantis ที่มาพร้อมกับ Processor 32 Bit อันทรงพลังจาก Sharp แต่ในตอนนั้นทีมไม่พอใจกับผลลัพธ์ และระงับการพัฒนาไปนับตั้งแต่นั้น จนกระแสเริ่มเปลี่ยนไปในเดือนตุลาคมปี 1997 เมื่อมีข่าวคราวเกี่ยวกับเครื่องเล่นเกมพกพารุ่นใหม่ของ Bandai ที่ชื่อว่า WonderSwan โดยเครื่องเกมตัวนี้ออกแบบโดยคุณ โยโคอิ กุยเป ซึ่งเป็นวิศวกรที่สร้าง Game & Watch และ Game Boy ดั้งเดิม ก่อนที่ลุงแกจะออกจาก Nintendo ในปี 1996 หลังจากโครงการสุดท้ายของเขาอย่าง Virtual Boy ประสบความล้มเหลวในเชิงพาณิชย์
เมื่อเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นกับเครื่องเกมของ Bandai ทางคุณโอกาดะจึงกลับมาพิจารณา Project Atlantis ที่เคยเทไปอีกครั้ง ซึ่งปัญหาจากคราวก่อนที่โครงการนี้ถูกเท ก็เนื่องจากการให้ความสำคัญกับความเร็วมากกว่าพลังงาน เขาจึงเลิกใช้ Processor 32 Bit แล้วหันมาใช้ Processor 8 Bit ของ Game Boy รุ่นที่เร็วกว่า ซึ่งจะช่วยให้เปิดตัวเกมได้เร็วขึ้นและยังเข้ากับเกม Game Boy ที่มีอยู่เดิมได้ด้วย โดยตัวเครื่อง Game Boy Color ใช้ระบบบนชิป (SoC) โดยผสาน CPU และส่วนประกอบหลักอื่น ๆ เข้าเป็นแพ็คเกจเดียว ซึ่ง Nintendo ตั้งชื่อว่า CPU CGB ซึ่งผลิตโดย Sharp Corporation แม้ว่า CPU CGB จะเป็นดีไซน์ใหม่สำหรับ Game Boy Color แต่เทคโนโลยีภายในนั้น ก็เป็นวิวัฒนาการของเดิมจาก DMG-CPU SoC ที่ใช้งานมานานถึงสิบปีใน Game Boy รุ่นดั้งเดิม ตัวเครื่องเลยเล่นตลับ Game Boy รุ่นเก่าได้ด้วย เรียกว่าเข้ากันแบบไม่ตั้งใจก็ว่าได้
แม้จะดีงามกินถ่านน้อยเพราะใช้แค่ 2 ก้อนเล่นได้ยาว ๆ เกือบ 20 ชั่วโมงแต่มันก็มีข้อเสียคือไม่มีไฟที่หน้าจอเหมือน Game Boy กับเกมที่พัฒนาออกมาแม้จะเป็นภาพสี แต่มันไม่ได้โดดเด่นขนาดว๊าวเราต้องมีแบบ Game Boy รุ่นเก่า จนทำให้ Game Boy Color มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น โดยวางตลาดได้เพียงสองปีครึ่ง ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วย Game Boy Advance ในปี 2001 ซึ่งในที่สุด Game Boy Advance ก็มาพร้อมกับพลังการประมวลผล 32 บิตตามที่คาดหวังไว้ใน Project Atlantis ที่แม้จะมีรุ่นใหม่ออกมา Game Boy Color ก็ยังคงผลิตอยู่เพื่อเป็นทางเลือกที่ประหยัดเงินคนที่ไม่มีงบซื้อ Game Boy Advance ซึ่งมีรายงานว่า Game Boy Color เครื่องสุดท้ายขายหมดในเดือนมีนาคม 2003
ตัวเครื่อง Game Boy และ Game Boy Color ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ทั้งคู่ โดยมียอดขาย 118.69 ล้านเครื่องทั่วโลก โดยขายได้ 32.47 ล้านเครื่องในญี่ปุ่น 44.06 ล้านเครื่องในอเมริกา และ 42.16 ล้านเครื่องในภูมิภาคอื่น ๆ ในช่วงเวลาที่หยุดจำหน่ายในปี 2003 ยอดขายรวมของ Game Boy ทุกรุ่นทำให้เป็นเครื่องเล่นเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาลในช่วงหลายปีต่อมา ยอดขายถูกแซงหน้าโดย Nintendo DS กับ PlayStation 2 และ Nintendo Switch ทำให้เป็นเครื่องเล่นเกมที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับสี่ และเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับสองตลอดกาล (นับในปี 2024) และแรงผลักที่ทำให้ Game Boy Color ขายดีก็มาจาก Pokémon Gold and Silver และ Pokémon Crystal โดยมียอดขายรวมกัน 29.5 ล้านชุดเลยทีเดียว
ใครที่สนใจอยากได้ Game Boy Color มาเป็นเจ้าของแบบมือ 1 หรือมีกล่องคม ๆ สวย ๆ บอกเลยว่ายาก แต่ถ้าเป็นแบบเครื่องมือ 2 ตามสภาพบอกเลยว่าเพียบ พร้อมเกมมากมายให้คุณได้เล่นและปวดตาไปกับเทคโนโลยีล้าสมัยในตอนนั้น ที่เอาจริง ๆ มันเหมาะแกการเอามาสะสมมากกว่าเอามาเล่น ใครที่ไม่เคยเล่นลองไปหามาเล่นดู แล้วคุณจะรู้ว่านยี่คือความสนุกของคนเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ว่าเขามีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ แบบนี้ที่เล่นได้เป็นวัน ๆ ไม่เบื่อ ต่างกับสมัยนี้ที่ทุกอย่างเยอะง่ายจนน่าเบื่อไปหมด สรุปตอนท้ายกลับกลายเป็นคนแก่บ่นเรื่องเกมไปจนได้