ออกฉายไปได้พักใหญ่ ๆ แล้วพร้อมกับประเด็นที่แฟน ๆ ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ กับซีรีส์อนิเมชั่นอย่าง Tomb Raider The Legend of Lara Croft ที่ฉายทาง Netflix ที่ทาง 4Gamers ได้ลงรีวิวไปแล้ว (ใครสนใจไปย้อนอ่านได้) ที่ถ้าใครเป็นแฟนเกมซีรีส์ Tomb Raider คงไม่พลาดดูแน่นอน ซึ่งสำหรับคนที่ไม่รู้ตัวซีรีส์ภาคนี้ จะเป็นการย้อนอดีตของ ลาร่า ครอฟท์ ที่เป็นเรื่องราวต่อจากเกม Tomb Raider 2013 ที่ในตอนนั้นเธอยังเป็นนักล่าสมบัติสาวมือใหม่ ที่ออกเดินทางตามรอยพ่อของตนในการล่าสมบัติ จนไปติดบนเกาะต้องสาปนามว่า ยามาไต ที่อยู่ตรงสามเหลี่ยมมังกรในแถบเอเชีย ซึ่งตัวซีรีส์อนิเมชั่นก็หยิบเรื่องราวจากเกมภาคนั้นมาสร้างเป็นซีรีส์ออกฉาย พร้อมใส่ประเด็น PTSD ความเครียดหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งทางคนเขียนบท Tomb Raider 2013 ก็ได้ชื่นชมฝ่ายซีรีส์ว่า ดีใจที่ทางซีรีส์เอาเรื่องนี้มาใช้ เพราะทางตนเคยเสนอเรื่องนี้ไปแล้วแต่ไม่อยู่ในเกม
สำหรับคนที่ไม่รู้จักอาการ PTST ดังกล่าวหมายถึงความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่เกิดจากความสะเทือนใจ เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งถ้าใครที่เคยเล่นเกม Tomb Raider 2013 มาแล้วจะทราบดีว่าตัวของลาร่านั้นได้สูญเสีย คนที่เป็นดังอาจารย์เพื่อนและคนที่คอยชี้แนะสิ่งต่าง ๆ ไปในเกมภาคนี้ ซึ่งมันส่งผลกระทบให้เธอมีอาการ PTSD เห็นภาพหลอนรู้สึกผิดและคิดมากตลอดเวลาในซีรีส์อนิเมชั่นเรื่องนี้ ที่เรียกว่าเป็นประเด็นหลักที่น่าสนใจที่ทาง คุณ ริฮานน่า ปราทเชตต์ ผู้เขียนบทของภาครีบูต Tomb Raider 2013 รู้สึกดีใจที่เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงประเด็นดังกล่าว
โดยในการสนทนากับทาง Eurogamer ทางคุณปราทเชตต์กล่าวว่า เธอยังไม่ได้ดู Tomb Raider The Legend of Lara Croft แต่เธอก็ดีใจที่ซีรีส์นี้ได้พูดถึงอาการ PTSD ของลาร่า หลังจากประสบการณ์ของเธอบนเกาะยามาไต เธอยังกล่าวอีกว่าแม้ว่า ในตอนนั้น (ตอนที่สร้างเกม Tomb Raider ภาคต่อมา) ทีมงานต้องการใส่สิ่งนี้ลงไปในเกมแต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะทางต้นสังกัดต้องการเน้นที่เรื่องราวพ่อของลาร่ามากกว่า เรื่องราวตรงนี้จึงไม่ได้สานต่อ
โดยคุณคุณปราทเชตต์กล่าวว่า "ฉันมีความคิดว่าตัวลาร่าจะต้องมีอาการป่วยทางจิตมาจากเกมภาคแรก ซึ่งมันจะส่งผลกับจิตใจของเธอในเกม ลองคิดถึงฉากที่คุณอยู่ในรถไฟใต้ดินในลอนดอน หรือบนถนนในตอนกลางคืน จากนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตจริงของเธอและสิ่งที่เธอเคยผ่านมาบนเกาะยามาไตในตอนนั้นมารวมกัน จนทำให้เธอคิดถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่เธอเคยผ่านมามันคงจะน่าสนใจมาก ๆ"
สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวของ Tomb Raider 2013 จะเป็นเรื่องราวของลาร่าสมัยวัยรุ่น ที่ต้องการเดินทางไปยังสามเหลี่ยมมังกรที่พ่อของเธอเคยจะไปสำรวจแต่ก็เสียชีวิตไปก่อน ลาร่าจึงเดินทางไปที่นั่นพร้อมเพื่อน ๆ แต่พอเข้าใกล้เกาะก็เกิดพายุจนเรือแตก ลาร่าที่รอดชีวิตต้องเอาตัวรอดจากคนโรคจิต ที่เป็นคนเรือแตกมาติดบนเกาะนี้แต่ออกไปไม่ได้ รวมถึงเหล่าทหารซามูไรญี่ปุ่นที่คอยคุ้มกันฮิมิโกะแม่มดชั่วร้ายที่ถูกขังบนเกาะนี้ และเธอต้องการร่างใหม่ซึ่งคือเพื่อนสาวชาวเอเชียของลาร่า ภารกิจช่วยเพื่อนและเอาตัวรอดจึงเริ่มขึ้น ด้วยความที่ลาร่าเป็นมือใหม่ในเกมนี้ เลยดูเป็นการหนีตายเอาตัวรอด มากกว่าจะบู๊แหลกแบบเกมภาคอื่น ซึ่งต่างจาก Tomb Raider ที่เรารู้จัก เลยทำให้เกมนี้โด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ
ใครที่สนใจก็ลองไปหามาเล่นดูค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว พอเล่น Tomb Raider 2013 จบก็มาดูซีรีส์อนิเมชั่น Tomb Raider The Legend of Lara Croft ต่อเลย แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมลาร่าถึงมีอาการ PTSD แบบนี้ตลอดทั้งซีรีส์ เพราะสิ่งที่เธอเจอในเกมภาค 2013 นอกจากจะสร้างแผลใจให้เธอแล้ว มันยังหล่อหลอมให้เธอแข็งแกร่งจนเป็นลาร่าให้ทุกวันนี้อีกด้วย ส่วนประเด็นที่คนไม่ชอบก็คือตัวลาร่าในซีรีส์มันดูล่พดูบึกไปหน่อยไม่ตรงกับในเกม นั่นคือสิ่งที่แฟน ๆ บางส่วนขัดใจ ซึ่งคุณต้องลองไปดูเองจึงจะเข้าใจ