เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแต่เราจะเอาตัวรอดคนเดียว นั่นไม่ใช่คำกล่าวของบอสคนไหน แต่เป็นสิ่งที่บริษัทแห่งหนึ่งกำลังจะทำเพื่อเอาตัวรอดจากการโดนรุมจากคนเล่นเกมทั่วโลก ที่ต่อต้านไม่ซื้อไม่เล่นไม่เห็นด้วยกับบริษัทเด็กหวานหรือ Sweet Baby Inc ที่อยู่ดีไม่ว่าดีอยากจะเข้ามาเปลี่ยนวงการเกมให้ไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ ทั้งที่วงการเกมก็มีความหลากหลายและอยู่ของเขาดี ๆ ก็มายุ่ง และมายุ่งอย่างเดียวไม่ว่ายังมาต่อต้านหาเรื่องค่ายเกมสตูดิโอที่ไม่ได้เข้าร่วมกับบริษัท จนเกิดเป็นดราม่าใหญ่โตพาลให้คนเกลียดบริษัทนี้และค่ายเกมเว็บเกมที่สนับสนุนสนุนบริษัทนี้เข้าไปด้วย (ก็เล่นทำเป็นขบวนการเลยนี่นะ) จนล่าสุดเมื่อเกมที่แปะชื่อ Sweet Baby Inc ทุกเกมล้วนแต่ปังทั้งหมด (ปังพินาด) ทางค่ายเด็กหวานเราเลยสละเรือออกมาบอกว่า "เราเป็นแค่บริษัทที่ทำงานตามสัญญาจ้างเท่านั้น พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ เพราะพวกเขาต้องการพัฒนาเกมให้ดียิ่งขึ้น" นั่นละครับท่านผู้อ่าน
ย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราคงจะได้เห็นข่าวพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเด็กหวาน เคยกล่าวทำนองที่ว่า เป้าหมายของบริษัทเราคือการทำลายอุตสาหกรรมเกม ที่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยมีอยู่ให้เป็นไปในทางที่มันควรจะเป็น ซึ่งมันไม่เป็นที่พอใจสำหรับคนเล่นเกมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามอดีตผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อเรื่องของ Sweet Baby คุณ แกรนท์ โรเบิร์ตส์ เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ว่า บริษัทไม่ได้ติดต่อนักพัฒนาตามที่ผู้กำกับฝ่ายเนื้อเรื่องคนก่อนกล่าวไว้ สตูดิโออื่น ๆ ต่างหากที่เข้ามาติดต่อและจ้าง Sweet Baby เพื่อปรับปรุงเกมของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น โรเบิร์ตส์อธิบายว่า Sweet Baby เป็นบริษัทที่ทำงานตามสัญญาจ้าง ดังนั้นสตูดิโอจึงดำเนินการในลักษณะเดียวกับบริษัทที่ปรึกษาทั่วไป
มาถึงตรงนี้หลายคนที่ไม่ค่อยติดตามข่าวสารวงการเกมคงจะงงว่า ว่าแล้วทำไมเราต้องจ้างบริษัทเด็กหวานมาทำเกมให้มันมีความหลากหลายที่สุดท้ายก็เจ๊งด้วย นั่นยังเป็นปริศนาที่ไม่มีบริษัทไหนเอามาบอกเราตรง ๆ แต่ทางบริษัทเด็กหวานให้คำจำกัดความว่า บริษัทให้คำปรึกษาด้านเรื่องราวในวิดีโอเกมระหว่างการพัฒนา เพื่อส่งเสริมความหลากหลายความเท่าเทียม ความครอบคลุมในเรื่องราวและสตูดิโอเกม
แต่หลายคนก็บอกว่ามันน่าจะมาจากการขอเงินลงทุนจาก Vanguard และ Blackrock สองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเงินและการลงทุนของสหรัฐอเมริกา ที่มีการค่าประเมินการลงทุนที่เรียกว่า DEI (Diversity, Equity, Inclusion) หรือการส่งเสริมความหลากหลายความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมต่อสังคม รวมถึง ESG (Environmental, Social, Governance) หรือการพัฒนาองค์กรแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาล ซึ่งบริษัทที่มีคะแนน DEI และ ESG สูง ก็จะมีโอกาสได้รับเงินลงทุนมหาศาลจากบริษัทการเงินระดับโลกดังกล่าว และทาง Sweet Baby Inc ก็รู้วิธีการขอเงินทุนดังกล่าวทางบริษัทสตูดิโอต่าง ๆ จึงไปจ้างเด็กหวานมาช่วยเรื่องนี้ เพราะในยุคนี้การสร้างเกมมันใช้เงินทุนที่เยอะ การมีบริษัทมาร่วมทุนจึงเป็นทางออกที่ค่ายเกมจำใจต้องทำ ซึ่งสุดท้ายก็เจ๊งชัยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ซึ่งถ้ามีการจากการทำให้เกมมันหลากหลายแบบปกติ ทำเกมพังเป็นเกม ๆ ไปก็พอเข้าใจได้ เพราะถ้าเกมมันเจ๊งเดี๋ยวค่ายเกมก็เลิกจ้างมาปรึกษาเอง แต่ที่หลายคนไม่พอใจเด็กหวานมาก ๆ ก็คือการไปสร้างความวุ่นวายกับค่ายที่ไม่ยอมรับการเสนอเข้าร่วมของบริษัท อย่างเกม Stellar Blade หรือ Wukong ที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของเด็กหวาน ทางนั้นเลยไปเรียกพวกอย่าง IGN มาช่วยกันปล่อยข่าวเสียแง่ลบต่าง ๆ ของค่ายเกมทั้งสองออกมารัว ๆ
แต่สุดท้ายก็ถูกชาวเน็ตขุดจนรถทัวร์ไปจอดที่ทาง IGN และเด็กหวาน นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำให้คนเกลียดบริษัทนี้มากขึ้นไปอีก ส่วนทั้งสองเกมกลับได้รับการสนับสนุนอย่างดี เหมือนเป็นการประชดที่ร่วมมือร่วมใจของชาวเกมก็ว่าได้ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าทั้งสองเกมมันก็ดีจริง ๆ บวกกับความไม่ร่วมกับเด็กหวานเลยยิ่งทำให้คนเอาใจช่วยเกมเหล่านี้ ที่เหมือนเป็นการช่วยโปรโมทเกมให้เขาซะอย่างนั้น แต่ก็ใช่ว่าทุกเกมจะเจ๊งหมดบางเกมก็ขายได้ขายดีเพราะเกมมันดีจริง ๆ แต่ช่วงหลัง ๆ เกมที่แปะชื่อ Sweet Baby Inc การันตีความเจ๊งแน่นอนได้เลย 80%
จากคำให้การดังกล่าวของ Sweet Baby Inc ที่ออกมาแถเอาตัวรอดครั้งนี้ก็ไม่ได้พูดผิด เพราะมีหลายบริษัทไปขอให้ทางนั้นช่วยจริง ๆ (เสียเงินค่าช่วยหลัก 10 ล้านเลย) แต่ทาง Sweet Baby ก็ไม่ได้พูดจริงทุกเรื่อง เพราะอย่างที่ค่ายเกมที่สร้าง Wukong ออกมาบอกว่าทางเด็กหวานมาเสนอตัวว่าจะมาช่วยเหลือบริษัทในการทำเกม แต่ทางค่ายที่สร้าง Wukong ไม่สนใจเลยทำให้เกมถูกด่าถูกขุดแชทที่ทีมงานคุยกันมาแฉจนเป็นเรื่องวุ่นวาย แต่สุดท้ายยอดขายก็เป็นตัวบ่งบอกแล้วว่าคนเล่นเกมชอบแบบไหนมากกว่ากัน และการแถครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้บริษัทเด็กหวานดูแย่ขึ้นไปอีก อยู่เงียบ ๆ ให้เรื่องมันซาลงก็ดีอยู่แล้วไม่น่าเลย