เคยมีคนกล่าวเอาไว้ในวงการภาพยนตร์ว่า "ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใดภาพยนตร์แนวซอมบี้ก็ยังคงอยู่ และมันก็ขายได้อยู่เสนอจากนี้และต่อ ๆ ไป" ซึ่งมันก็จริงอย่างที่บอกเอาไว้ เพราะไม่ว่ากระแสหนังจะเปลี่ยนไปขนาดไหนมีหนังมากมายเกิดขึ้น แต่หนังซอมบี้ก็ยังคงมีมาอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะชาติใดประเทศไหนต่างก็มีหนังซอมบี้เป็นของตัวเอง จะดีบ้างแย่บ้างดราม่ามากน้อยแล้วแต่ผู้กำกับไป จนมีคนบอกว่าจะหาหนังซอมบี้ดี ๆ สนุกลุ้นเอาชีวิตรอดดูยากมาก ๆ เพราะส่วนมากจะเน้นไปทางดราม่าโดยมีซอมบี้เป็นตัวประกอบ ต่างกับเรื่อง Apocalypse Z The Beginning of the End หนังซอมบี้ที่มีส่วนผสมระหว่างดราม่าซอมบี้การเอาตัวรอดและแมว ที่เรียกว่าจัดครบจัดเต็มถูกใจคนดูสายซอมบี้แน่นอน เรามาดูรีวิวกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาเรามาทำความเข้าใจของหนังซอมบี้ที่ถูกใจแฟน ๆ คนส่วนมากกันก่อน เริ่มจากโครงเรื่องที่จะบอกที่มาที่ไปของไวรัสเชื้อซอมบี้หรือไม่ก็ได้อันนี้ไม่มีใครติดอะไร จากนั้นก็แนะนำตัวละครว่าเขาเธอนั้นมีปมดราม่าอะไร เพื่อเป็นตัวผลักดันให้ตัวละครเดินหน้าต่อไป ซึ่งมันต้องใช้การเล่าเรื่องที่ช้าเพื่อปูเรื่องราวตัวละคร จากนั้นก็ค่อย ๆ ไต่ระดับการเอาตัวรอดเจอผู้คนมีปัญหาต้องแก้ จากจุดเอไปจุดบีจนจุดซี เหมือนอย่างที่ Apocalypse Z The Beginning of the End ทำ คือตามสูตรหนังซอมบี้ที่ดีควรมี นั่นคือการเล่าปูปมตัวละครว่ามีอะไร การแพร่เชื้อค่อย ๆ ไต่ระดับทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่ตูมเดียวระเบิดเลยจากนั้นเนื้อเรื่องก็ค่อย ๆ ผลักดันให้พระเอกของเราต้องออกจากเซฟโซนเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งนั่นคือข้อดีหลัก ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้
เรื่องราวใน Apocalypse Z The Beginning of the End จะกล่าวถึง มาเนล ทนายความและเจ้าของบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สูญเสียภรรยาไปในอุบัติเหตุ ทำให้เขาจมอยู่กับความเสียใจ พร้อมกับแมวหนึ่งตัวที่เป็นสัตว์เลี้ยง ขณะที่เนื้อเรื่องดำเนินไปข่าวทีวีก็จะรายงานความคืบหน้าของโรคระบาดใหม่ ที่ร้ายแรงกว่าโคหวิด 19 และมันเปลี่ยนคนให้เป็นซอมบี้ ซึ่งมาเนลของเราก็เลือกจะอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน ขณะที่ผู้คนเริ่มอพยพไปที่หลบภัย จนเมื่ออาหารหมดมาเนลเลยต้องออกไปหาอาหารตามบ้านเพื่อความอยู่รอด และการก้าวออกจากบ้านของเขาครั้งนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่มาเนลได้พบคนดี ๆ คนร้ายและคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ประหนึ่งคนดีในโลกที่โหดร้ายอะไรแบบนั้น
โดยในช่วงแรกของเรื่องจะค่อนข้างอืดเล็กน้อย เพื่อให้คนดูปรับตัวตามพระเอกของเรา ที่ในโลกแห่งความเป็นจริงถ้ามีเชื้อซอมบี้ระบาดทุกอย่างก็คงจะเป็นแบบในเรื่องนี้ ที่ไม่ใช่พอเชื้อระบาดปุ๊บซอมบี้แฮ่มาแล้วจ้าเต็มถนนอะไรแบบนั้น แต่มันจะค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย แล้วค่อย ๆ ไต่ระดับความลุ้น ไปเรื่อย ๆ โดยมีเป้าหมายคือการไปหาพี่สาวที่อยู่ในเขตปลอดภัย ซึ่งความสนุกมันอยู่ที่ระหว่างทางที่พระเอกของเราเดินทางไปพร้อมกับน้องแมวเพื่อนรัก ที่แม้จะโดนซอมบี้ไล่กวดขนาดไหน พี่แกก็ไม่ทิ้งน้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และอย่างที่เราบอกไปว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันตามสูตรหนังซอมบี้มาแบบตรงตามตำราเป๊ะ การไต่ระดับที่ว่าเลยจัดมาครบทั้งคนรอดชีวิตที่ทำร้ายคนกันเอง คนที่เห็นแก่ตัว คนสติแตก นี่ถ้ามีคนกินคนด้วยจะครบแบบ 100% เลยทีเดียว (แต่แอบพูดถึงในเรื่อง) และการเอาตัวรอดของพระเอกเรา ก็เป็นจุดที่เรื่องนี้เข้าใจนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เขาเป็นนักประดาน้ำ เลยมีความสามารถในการยิงปืนฉวก กับการวิ่งแแบบ 4 คูณร้อยพร้อมหิ้วแมวได้แบบไม่มีเหนื่อย (คนประดาน้ำจะมีปอดใหญ่) และหลาย ๆ อย่างที่พระเอกเราใช้ทักษะที่มีในการเอาตัวรอด แม้แต่ทักษะทนายที่กล่อมคนอื่นจนเชื่อก็ถูกเอามาใช้แบบครบทุกเม็ด
และถ้าคุณเป็นแฟนหนังการ์ตูนอนิเมะเกมซอมบี้มา คุณจะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้หยิบตรงนั้นตรงนี้ของหนังการ์ตูนซอมบี้เรื่องต่าง ๆ มาใช้ได้อย่างลงตัว อย่างชุดประดาน้ำกันฉลามกัดที่เหมือนใน ซอม 100 - 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้ การเอาของมาป้องกันแขนแบบใน World War Z ปืนยิงฉมวกคล้าย ๆ หน้าไม้ของ The Walking Dead และรถมอเตอร์ไซค์แบบในเกม Days Gone นี่ยังไม่นับทารกซอมบี้แบบใน Dawn of the Dead ตอนปี 2004 ยังมีการแอบมองผ่านกล้องอย่างใน Rec ปิดตึกสยอง ที่ทำเอาแฟนซอมบี้ตาลุกวาว หรือแม้แต่ของ All of Us Are Dead ก็มี เรียกว่าใส่ Easter Egg ไว้เยอะมาก ๆ
คราวนี้มาดูข้อเสียของภาพยนตร์เรื่องนี้กันบ้าง แม้จะมีหลาย ๆ อย่างที่ดีงามดูสนุก Easter Egg เยอะ แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่เนื้อเรื่องใช้พล็อตเรื่องแบบเทพประเจ้าประทานพร ที่ไม่ว่าจะเอกเราจะเจอเรื่องร้าย ๆ ขนาดไหน สุดท้ายจะมีตัวช่วยคนช่วยหรือบางอย่างมาช่วยทุกครั้ง ซึ่งตามปกติมุกเทพประมานนี้จะถูกใช้ครั้งหรือสองครั้งในเรื่องเท่านั้น และจะถูกใช้ในช่วงสำคัญของเรื่อง อย่างตอนที่พระเอกจะเสียท่าก็มีคนมาช่วยทันเวลา แต่ในเรื่องนี้คือมีเยอะมาก ประมาณพอมีเรื่องซวยเกิดเรื่องก็มีอะไรมาช่วยตลอดทั้งเรื่อง จนเราไม่ต้องลุ้นเลยว่าพี่แกจะรอดรึเปล่า แค่มาดูว่าแกจะรอดแบบไหนมากกว่าซึ่งมันเป็นแบบนี้ทั้งเรื่อง
อีกสิ่งที่รู้สึกหงุดหงิดก็คือการกำจัดตัวประกอบแบบง่อย ๆ ที่ประมาณว่ารอดแล้วนั่งอยู่ดี ๆ อะเฮือกตุยเฉย หรือบางทีซอมบี้บุกมาแฮ่ทุกคนวิ่งหนี แต่ก็มีตัวละครบางตัวยืนล่อเป้าซอมบี้ ประมาณว่าโอเคถึงคราวตรูตุยแล้วซินะแล้วก็ตายแบบง่าย ๆ ที่ดูแล้วก็รู้สึกขัดใจและที่หงุดหงิด อีกอย่างคือเราสามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จากคำพูดสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องที่บอกเราทุกอย่าง ไม่ปล่อยให้คนดูคิดเอาเองบางเลย และที่หงุดหงิดที่สุดคือมันทิ้งปมไปภาค 2 เฉย อันนี้คือขัดใจสุด ๆ ที่ถ้าไม่ทำต่อเรื่องก็จะค้างตรงนั้น จนเราอยากรู้ว่ามันจะไปทางไหนต่อไปในภาค 2
สรุป Apocalypse Z The Beginning of the End เคารพความเป็นหนังซอมบี้ครบสูตรจริง ๆ เพราะทั้งเรื่องเรื่องบทตัวละครเรียกว่าตามสูตรแบบเป๊ะ ๆ ซึ่งมันสนุกโอเคมาก ๆ ใครที่ไม่ใช่แฟนหนังซอมบี้ก็ดูได้ไม่มีติดอะไร แต่ถ้าคุณเป็นแฟนหนังซอมบี้ระดับผู้เขียนคุณจะได้เจอ Easter Egg รัว ๆ อย่างที่บอกซึ่งพูดเลยว่ามีเยอะกว่านี้อีกแต่บอกไม่ได้ต้องไปดูเอาเอง ใครสนใจก็ไปดูได้ทาง Amazon Prime Video มีพากย์ไทยด้วยที่บอกเลยว่าดีงามสุด ๆ ส่วนคะแนนของให้ 7.8 เต็ม 10 หักตามที่บอกชมตามที่ว่า โดย 5 คะแนนให้น้องแมวล้วน ๆ ลองไปหามาดูคุณอาจจะชอบ