มาแล้วจ้ามาแล้วหลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 2 อาทิตย์เพราะอาจารย์ โอดะ แกต้องบินไปดูงานถ่ายทำซีรีส์ One Piece ซีซัน 2 ที่ต่างประเทศ บวกกับการหยุดพักผ่อนแกเลยหยุดยาว ตอนนี้ One Piece ตอนที่ 1131 กลับมาแล้ว ซึ่งความเดิมตอนที่แล้วพวก ลูฟี่ และกลุ่มหมวกฟางได้หนีออกมาจากปราสาทออกมาได้ และก่อนที่ทุกคนจะเดินทางไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ลูฟี่และเพื่อน ๆ ก็สัมผัสได้ถึงจิตอันน่าขนลุกที่มาจากด้านหนึ่งในป่า ลูฟี่จึงของลงไปดูส่วนคนอื่น ๆ จะล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งในตอนนั้นก็จบลงตรงที่ลูฟี่ได้เจอกับเจ้าชาย โลกิ ผู้เรียกตัวเองว่าเทพตะวันที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศ ก่อนที่เรื่องราวจะจบตอนลงตรงนี้ เรามาดูกันว่า One Piece ตอนที่ 1131 จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างมาอ่านไปพร้อมกันเลย
จากตอนที่แล้วหลังจากที่ได้แนะนำตัวกันไปว่าคนหนึ่งตะโกนว่า ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดนามว่าลูฟี่ ส่วนอีกคนก็แนะนำตัวเองว่าคือเทพตะวันที่จะทำลายทุกอย่างให้พังพินาศ ซึ่งตัวของลูฟี่ตอนนี้ก็ตื่นเต้นมาก ๆ ที่มาถึงเกราะยักษ์ในตำนานที่ตนเองอยากจะมา จนพี่แกพูดไม่หยุดว่าเกาะนี้ใหญ่โตแค่ไหนและเขาตื่นเต้นกับพวกยักษ์มากขนาดไหน โดยฝ่ายโลกิก็พยายามพูดด้วยแต่ลูฟี่ไม่ให้โอกาสเขาเลย จนกระทั่งเจ้าชายโลกิโกรธพี่แกเลยตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า "เงียบ!! ข้ากำลังเสวนากับเจ้าอยู่" เสียงคำรามนั้นทรงพลังจนทำให้หมาป่าในบริเวณนั้นตกใจ จากนั้นเราจะเห็นป้ายรางวัลนำจับ เจ้าชายต้องสาปแห่งเอลบัฟ โลกิ ค่าหัวพิเศษโดยรัฐบาลโลก 2,600,000,000 เบรี
เจ้าชายโลกิผู้ถูกกังขังพูดต่อว่า "ข้าคือเทพพระอาทิตย์ผู้สืบทอดมาในดินแดนแห่งนี้ อย่าเสวนาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้าเจ้ามนุษย์ เอาล่ะบอกข้ามา เจ้าคิดยังไงกับสถานะของข้าในตอนนี้" เจ้าชายโลกิถามลูฟี่ ลูฟี่มองชายร่างยักษ์ "ฉันคิดยังไงหรอ (ทำท่าคิด) ก็เห็น ๆ อยู่ว่านายถูกจับอยู่" โลกิยิ้ม "ช่างสังเกตมาก แต่ไม่มีใครอยากถูกกักขังใช่ไหมล่ะ เมื่อทุกอย่างจบลงถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะได้รับการปลดปล่อยเช่นกัน โรดี้" ลูฟี่โมโห "ฉันคือ ลูฟี่ ไม่ใช่ โรดี้ เว้ย!!"
โลกิเล่าให้ลูฟี่ฟังว่าตัวของเขานั้นถูกจับกักขังมา 6 ปีแล้ว เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเอลบัฟ แต่ต้นไม้ที่มัดเขาอยู่คือต้นไม้แห่งสมบัติอดัม ซึ่งก็คือต้นไม้ที่เป็นส่วนหนึ่งของหัวใจในอาณาจักรแห่งนี้ และโซ่ที่ตรึงร่างกายของเขาไว้เรียกว่า ไคเซคาริ เซโรคุ เขาเลยไม่มีทางทำลายมันได้ เจ้าชายโลกิเล่าจบก็หันมาพูดกับโรดี้เอ้ยลูฟี่ว่า "มาทำพันธสัญญากันเถอะลูฟี่ เจ้าเป็นโจรสลัดใช่มั้ย ปล่อยข้าแล้วข้าจะช่วยเจ้า และเมื่อข้าเป็นอิสระข้าจะทำลายโจรสลัดที่เจ้าต้องการให้" ลูฟี่ทำท่าคิด "อืมมม ฉันไม่ชอบสัญญาที่บังคับฝืนใจใคร"
โลกิอธิบายต่อว่าที่นี่ถูกเรียกว่า ยมโลก ซึ่งเป็นทั้งดินแดนแห่งความตายและคุกของเหล่ายักษ์ทั้งหลาย ยักษ์ที่ก่ออาชญากรรมถูกบังคับให้ลงมาที่นี่ และไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ข้าเพราะสัตว์ร้ายในป่าแห่งนี้ โลกิพูดต่อว่า "ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่เทือกเขาหิมะแห่งนี้ แต่เจ้าต้องระวังสัตว์ร้ายที่นี่ไว้ พวกมันแต่ละตัวคือเจ้าแห่งภูเขา และเป็นสหายของข้าตั้งแต่ข้ายังเยาว์วัยอยู่ด้วย" พอเจ้าชายโลกิพูดจบก็มีสัตว์ป่าขนาดใหญ่ออกมาจากในป่าล้อมลูฟี่เอาไว้ โดยสัตว์ทั้ง 5 ตัวก็มี หมีขั้วโลก กอริลล่า หมาป่า สิงโต และ แมมมอธ
และนอกเหล่าสัตว์แล้วก็มีมนุษย์รวมอยู่ด้วย โดยคนเหล่านั้นคือสมุนของเจ้าชายโลกิ ซึ่งทุกคนทั้งชายหญิงต่างก็สวมหน้ากากกันแก๊สปิดหน้า และสวมเสื้อหนังสัตว์ที่มีกลิ่นเหม็นเพื่อป้องกันตัวเองจากสัตว์ร้าย ลูฟี่ที่เห็นก็ไม่ได้ตกใจอะไรเมื่อเห็นสัตว์ร้ายพวกนี้ ลูฟี่พูดว่า "ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนึกถึงอดีต" เจ้าชายโลกิเอ่ยขึ้นมาด้วยความหยิ่งทรนง และคิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่าลูฟี่พร้อมบอกว่า "ถ้าเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า พวกมันจะไม่ยืนนิ่งเฉยหรอกนะ" แต่ทันใดนั้นเองลูฟี่ก็ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดในฉากเดียว (จบเร็วเกิ๊นสงสัยอาจารย์ขี้เกียจวาด) จนทำให้โลกิและเหล่ามนุษย์ตกใจ
ลูฟี่กระโดดขึ้นไปบนมือของกอริลล่า ขณะที่สัตว์ร้ายทุกตัวมองมาที่เขาอย่างเป็นมิตรหลังโโนอัด สมุนของเจ้าชายโลกิคนหนึ่งพูดอุทานออกมาด้วยความตกใจว่า "เจ้านี่ทำให้พวกสัตว์สงบเหมือนตอนที่เจ้า แชงค์สผมแดง แห่ง 4 จักรพรรดิมาที่นี่เลย" ลูฟี่ที่ได้ยินชื่อแชงค์สก็อุทานออกมา "แกบอกว่าแชงค์สงั้นเหรอ" ลูกน้องของเจ้าชายโลกิเลยรีบบอกว่า "ใช่แล้ว" ลูกน้องเจ้าชายโลกิรีบตอบ เจ้าชายโลกิที่รู้สึกเอะใจจึงเอ่ยออกมาว่า "เดี๋ยวนะ นักรบคนนี้เป็นใครกัน" พร้อมกับคำบรรยายว่า โลกิสังเกตวิธีการแสดงอารมณ์ของลูฟี่ที่พูดถึงแชงค์สจึงถามลูฟี่ว่า "เจ้าก็รู้จักเจ้าผมแดงสินะ ชายผู้นั้นมีรอยแผลเป็นที่หน้า ไอ้พวกโจรสลัดไก่อ่อนนั่น"
ลูฟี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ของขึ้นเปิดใช้เกียร์ 4 ด้วย และต่อยเจ้าชายโลกิ ซึ่งเขาก็สามารถหลบหมัดได้อย่างง่ายดายด้วยการขยับหัวเล็กน้อย ลูกน้องของเจ้าชายและเหล่าสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ต่างตกใจกับสิ่งที่เห็น ลูฟี่ที่ของขึ้นตะโกนออกมาว่า "อย่าพูดแบบนั้นอีก" โลกิยิ้มและบอกว่า "ข้าล้อเล่น" แต่เขาคิดในใจว่า "ถ้าข้าออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจะฆ่าไอ้เจ้านี่เป็นคนแรก" ลูฟี่จึงถามเจ้าชายโลกิต่อว่า "แชงค์สมาทำอะไรที่นี่ และเขายังอยู่ในเอลบาฟหรือเปล่า" โลกิยิ้มอย่างมีชัยเหนือกว่า "ข้าจะไม่บอกเจ้าฟรี ๆ หรอกนะ รู้ไหม"
ตัดมาที่สะพานปราสาท นามิ และคนอื่น ๆ เห็นโรทวิ่งไล่ตามพวกเขา ขณะที่ เกิร์ด กับ โกลด์เบิร์ก ก็วิ่งไล่ตามโรทมาด้วย จนทาง โซโล ต้องการกำจัดพวกนี้ไปก่อนจะเกิดปัญหาตามมา แต่ อุซป ก็บอกว่าพวกเขาอาจเป็นเพื่อนกับ ดอร์รี่ กับ โบรกี้ ก็ได้ พวกเขาจึงตัดสินใจวิ่งไปที่หมู่บ้านเอลบัฟที่อยู่ด้านบนแทนการสู้ ส่วนนามิก็ตะโกนว่า "จะไม่ทำแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าพวกมันจับเราได้งานนี้จบไม่สวยแน่"
ตัดกลับมาที่ใต้ยมโลกแต่เป็นคนละพื้นที่ที่ลูฟี่กับเจ้าชายโลกิอยู่ เราได้เห็น ฮัจรุดิน และ สเตนเซ่น กำลังฟาดกวางมูสตัวใหญ่อยู่ ฮัจรุดินหัวเราะชอบใจเมื่อล้มกวางลงได้ "เราจับกวางมูสได้แล้ว สิ่งมีชีวิตแบบนี้หาที่ป่าข้างบนไม่ได้หรอกนะ เนื้อของมันสุดยอดมาก ฉันคิดถึงรอยยิ้มกว้าง ๆ ของพวกหมวกฟางตอนที่พวกนั้นมาถึงที่นี่" สเตนเซ่นที่มาด้วยก็ถามว่า "แต่มันหนักมากเลยนะ จะแบกกลับไปยังไง" ฮัจรุดินบ่นออกมา "อย่าทำให้ตัวเองอับอาย เนื้อนี้ไว้สำหรับคนที่ช่วยชีวิตเรา" จากนั้นเราจะได้ดูแผงสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องเดรสโรซ่า และกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์รุ่นใหม่ของฮัจรุดินว่าทำอะไรมาบ้าง หลังจากนั้นฮัจรุดินและสเตนเซ่นก็พากวางมูสกลับไป
ภาพตัดมาที่เรือเอลบัฟที่อยู่บริเวณทะเลเอลบัฟแล้ว บรู๊คกำลังตัดผมให้โรบินตามคำขอของเธอ "เป็นยังไงบ้าง โรบินซัง นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ตัดผมให้ผู้หญิง ผมประหม่ามาก หัวใจของผมเต้นแรงแม้ว่าผมจะไม่มีหัวใจแล้วก็เถอะ (หัวเราะ) มุกหัวกระโหลก" ลิลิธที่ได้ยินก็ขำ "เธอไม่มีหัวใจเหรอ มันไม่เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด" บอนนี่ที่เห็นก็ชม "น่ารักมาก โรบิน" แฟรงกี้ยืนชื่นชมอย่างพอใจ "เข้ากับเธอดีนะ เยี่ยมมาก บรู๊ค"
โรบินมองตัวเองในกระจก "สมบูรณ์แบบ ขอบคุณนะ บรู๊ค" บรู๊คยิ้มด้วยความดีใจ "ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น" โบร์กี้ที่นึกอะไรออกจึงพูดขึ้นมาว่า "เข้าใจแล้ว นั่นคือทรงผมของเธอตอนที่อยู่กับ เซาโล ใช่ไหม" ดอร์รีที่ได้ยินจึงเสริมว่า "ฉันพนันได้เลยว่าเขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่เห็นเธอตอนนี้" แฟรงกี้ที่ได้ยินก็ซึ้งใจ "ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่ การกลับมาพบกันครั้งนี้จะทำให้ฉันน้ำตาซึม"
ในตอนนี้เรือเอลบัฟไปถึงเกาะเอลบัฟเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ทุกคนบนเรือสามารถมองเห็นเกาะขนาดยักษ์ได้แล้ว คนยักษ์บอกกับทุกคนว่า "หมอกจางลงแล้ว นั่นคือเกาะของเรา ขึ้นฝั่งกันเถอะ" ลูกเรือกลุ่มหมวกฟางต่างอุทานออกมาพร้อมกันว่า "ใหญ่มากกก นั่นคือเกาะของคนยักษ์สินะ" คนยักษ์ยิ้มอย่างภูมิใจ "พวกเราจะมาชนแก้วกันอีกครั้งเมื่อเราลงจอด" ก่อนที่ภาพจะตัดกลับมาที่ที่ไหนสักแห่งในเอลบัฟ มีคนยักษ์ตะโกนด้วยหน้าตาแตกตื่นว่า "ช่วยด้วย คุณเซาโลเป็นอะไรไม่รู้จู่ ๆ ก็ล้มลงไม่ขยับตัวเลย" เรื่องราวของตนนี้จบลงตรงนี้ พร้อมกับข่าวดีว่าอาทิตย์หน้า One Piece ตอนที่ 1132 ไม่งดจ้ามีต่อยาว ๆ แน่นอนติดตามอ่านกันได้เลย และถ้าใครสนใจอยากอ่านย้อนหลังก็ไปที่เว็บไซต์ MANGA Plus ได้เลยเราแปะลิงค์ไว้แล้วไปอ่านกันได้ และพบกันใหม่ตอนหน้า