20 ปีผ่านมาไวเหมือนโกหกกับตำนานภารกิจมังกรอย่าง Dragon Quest ที่ถ้าใครเป็นแฟนซีรีส์นี้หรือตามเล่นเกมนี้มานาน ก็น่าจะรู้ดีว่าตัวเกมซีรีส์ Dragon Quest มันไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเกมซีรีส์ Final Fantasy ที่เรียกว่าเป็นแนวอนุรักษ์นิยมก็ได้ โดยเฉพาะกราฟิกตัวละครแบบ SD และฉากต่อสู้ที่ไม่เห็นตัวละครที่เราคุ้นเคย จนการมาถึงของ Dragon Quest VIII ที่เรียกว่าเป็นการคิดใหม่ทำใหม่ที่เปลี่ยนตัวเกมแบบเดิม ๆ ออกไป ทั้งกราฟิกตัวละครฉากต่อสู้ไปจนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของซีรีส์นี้ ที่ทำให้ Dragon Quest ภาคอื่น ๆ ก็ได้ทำต่อ ๆ กันมา และวันที่ 27 พฤศจิกายน 2004 คือวันวางจำหน่ายเกม Dragon Quest VIII บน PlayStation 2 เรามาย้อนอดีตดูเรื่องราวของเกมนี้ไปพร้อม ๆ กัน ว่าเกมนี้มันมีอะไรน่าสนใจขนาดไหนบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย
สำหรับคนที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อน ตัวเกม Dragon Quest VIII ภาคนี้คือเกมภาคแรกในซีรีส์ที่เปลี่ยนตัวเองมาเป็นแบบ 3D ในฉากขนาดใหญ่ ไม่ใช่มุมมองด้านบนแบบเกมภาคก่อน ๆ ซึ่งเราสามารถเดินไปมาในฉากขนาดใหญ่ ที่แม้จะค่อนข้างโล่งเพราะเทคโนโลยีสมัยนั้นบน PlayStation 2 มันทำได้เท่านี้ ซึ่งก็ถือว่าดีงามมาก ๆ โดยเราจะได้เห็นตัวศัตรูเดินไปเดินมาในฉาก แทนการเจอแบบสุ่มอย่างในภาคก่อน รวมถึงการต่อสู้ในตอนแรกจะเป็นมุมมองแบบบุคคลที่ 1 ตามแบบต้นฉบับ แต่พอตัวละครไปโจมตีเราจะเห็นตัวละครนั้น ๆ ขยับท่าต่าง ๆ ที่เรียกว่าแปลกใหม่และว๊าวมาก ๆ ในสมัยนั้น และในฉบับภาษาอังกฤษจะมีเสียงพากย์แถมมาด้วย
ในส่วนของเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงการเดินทางของ พระเอก ที่เป็นลูกครึ่งมนุษย์กับชนเผ่ามังกร ที่ในตอนนี้เรายังไม่รู้ถึงชาติกำเนิดตัวเอง ที่ต้องเดินทางไปพร้อมกับพระราชาที่ถูกสาปเป็นตัวประหลาด กับเจ้าหญิงที่ถูกสาปเป็นม้า และเพื่อนร่วมทีมที่เป็นชายร่างอ้วนอดีตโจรป่ากลับใจ เพื่อหาทางแก้ไขคำสาปจากปีศาจที่สาปคนในเมืองให้กลายเป็นหิน ซึ่งเนื้อเรื่องก็ยังคงกลิ่นอายความเป็น Dragon Quest อยู่อย่างชัดเจน ทั้งฉากตัวละครจนหลายคนในตอนนั้นชื่นชอบภาคนี้มาก ๆ
ในส่วนของระบบการเล่นก็มีการเพิ่มเติมระบบใหม่ ๆ ลงไปหลายอย่าง เช่นระบบไหผสมไอเทมที่เราคุ้นเคยในภาคหลัง ๆ ก็มาจากเกมภาคนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ Psyche Up ที่เราสามารถสะสมพลังเพื่อโจมตีที่รุนแรงได้ รวมถึงการสร้างทีมมอสเตอร์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อใช้ในการต่อสู้ได้อีกด้วย และที่หลายคนชื่นชอบที่สุดคือเราสามารถเปลี่ยนอาวุธได้หลากหลายมากขึ้น แถมตอนที่เราได้อาวุธใหม่ ๆ ตัวเอกก็จะมีท่วงท่าที่ต่างกันไป รวมถึงพลังท่าต่าง ๆ ที่ใช้จากอาวุธที่ถือก็จะต่างกันเพื่อเพิ่มความสนุกในการเล่น และนอกจากนี้ตัวละครหญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม (ไม่นับเจ้าหญิงที่เป็นม้า) อย่าง เจสซิก้า ก็เปลี่ยนชุดได้ ส่วนผู้กล้าของเราก็มีการเปลี่ยนชุดเหมือนกัน เมื่อรวบรวมอาวุธชุดเกราะในตำนานจนครบ เกม Dragon Quest VIII จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ อย่างใน Dragon Quest ภาคต่อ ๆ มาทำตาม
ตัวเกม Dragon Quest VIII วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นก็มียอดขายถึง 2,167,072 ชุดในสองวัน และแตะ 3 ล้านชุดในสามวันและมากกว่า 3 ล้านชุดภายในหนึ่งสัปดาห์ กลายเป็นเกม PlayStation 2 ที่ขายเร็วที่สุดในญี่ปุ่น และในเดือนกันยายน 2008 Dragon Quest VIII มียอดจัดส่งทั่วโลกเกิน 4.9 ล้านชุด ซึ่งในอเมริกาเหนือขายได้เพียง 430,000 ชุด แต่เกม Dragon Quest VIII ก็เป็นเกมที่ขายดีที่สุดสำหรับเครื่อง PlayStation 2 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นเกม Dragon Quest เกมแรกที่ได้รับคะแนน 39 เต็ม 40 คะแนนจาก Famitsu ที่ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวในการให้คะแนนมาก ๆ ในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังชนะ รางวัล Best RPG of E3 2005 ของทั้ง 1UP.com และ GameSpy นำหน้ารองชนะเลิศอย่าง Kingdom Hearts II อีกด้วย
ใครที่สนใจตัวเกม Dragon Quest VIII ก็มีวางจำหน่ายบนโทรศัพท์มือถือและ Nintendo 3DS ซึ่งอย่างหลังตัวเกมได้เพิ่มเพื่อนร่วมทีมไปอีก 2 คน กับเสริมเติมแต่งหลาย ๆ อย่างลงไปจนกลายเป็นเกมที่สมบูรณ์มากขึ้น ส่วนราคาแผ่นเกมสำหรับคนที่สนใจหามาสะสม ตัวเกม Dragon Quest VIII ฉบับ PlayStation 2 ราคาเพียงหลักสิบเท่านั้นตามร้านขายแผ่นเกมทั่วไป ส่วนของ 3DS นั้นบอกเลยว่าราคาไปไกลสุด ๆ ใครสนใจอยากเก็บก็ไปตามหามาเล่นกันได้ ตัวเกมค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว แล้วคุณจะรู้ว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วทำไมคนถึงชอบเกมภาคนี้กัน