ในที่สุดด็เริ่มสู้กันแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียทีหลังวจากที่ยืดเยื้อมานานในตอนที่แล้ว ระหว่าง โกคู ในร่างเด็กประถม 1 กับ ทามะกามิหมายเลข 3 ผู้เฝ้าดราก้อนบอล 3 ดาว (ในโลกปีศาจมีดราก้อนบอล 3 ลูก) ซึ่งถ้าใครจำได้คงรู้ดีว่าทามะกามินั้นแข็งแกร่งมาก ๆ ขนาด ราชาปีศาจดาบูร่า ยังไม่สามารถเอาชนะทามะกามิได้ เลยไม่มีใครสามารถขอพรจากดราก้อนบอลโลกปีศาจได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยใน Dragon Ball Daima ตอนที่ 8 ก็มีเรื่องราวเกร็ดที่น่าสนใจหลายจุด เรามาดูไปพร้อมกันเลยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างในตอนนี้
เปิดฉากมาก็จะเป็นการต่อสู้กันเลยทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา (เสียเวลาไปแล้วในตอนก่อน) ตอนนี้เลยสู้กันแบบจัดเต็ม ซึ่งถ้าใครรู้จักหรืออ่านดูซีรีส์ Dragon Ball มานาน จะรู้ดีว่าตัวของโกคูนั้นเป็นพวกติดเล่นและชอบลองเชิงคู่ต่อสู้ก่อน โดยโกคูจะประเมินคู่ต่อสู้ด้วยพลังปกติ หรือในระดับที่เขาคิดว่าเหมาะแก่การประเมินเริ่มต้น เขาเลยไม่แปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าแต่สู้ในร่างปกติ พอมาในยกที่สองคราวนี้โกคูจะประเมินคู่ต่อสู้ได้แล้วว่าควรจะใช้พลังแค่ไหน เพื่อจะได้ต่อสู้กันนาน ๆ ต่างกับเบจิต้าที่จะใช้พลังสูง ๆ ในการต่อสู้ทันทีเพื่อปิดฉากให้เร็วที่สุด และเมื่อโกคูประเมินคู่ต่อสู้เสร็จเขาก็แปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า โดยหวังว่าทามะกามิหมายเลข 3 จะมีของดีซ่อนอยู่ แต่กลายเป็นว่าทางนั้นยอมแพ้เพราะโกคูซูเปอร์ไซย่าเหนือกว่าทามะกามิหมายเลข 3 เยอะมาก ๆ
เกร็ดเล็ก ๆ เพื่อว่ามีคนสงสัยว่าไอ้เปลวพลังที่ขึ้นรอบตัวโกคู ก่อนที่มันจะดับไปตามรูปด้านบนนั้นคืออะไร ที่ถ้าเราอ้างอิงตามในเกมมาเป็นหลัก การเบ่งพลังจนออร่าขึ้นรอบตัวมันคือการเผาพลาญพลังในตัวให้พุ่งขึ้นมา จนเราสามารถใช้พลังความสามารถได้ และเมื่อใช้หมดเราต้องมาเบ่งพลังใหม่เพื่อดึงพลังกายในตัวออกมาอะไรแบบนั้น และการแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าก็จะดูดพลังที่ว่านี้ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าฝึกจนชินก็จะถูกดูดไปน้อยลง โกคูเคยอธิบายสมัยตอนสู้กับ ฟรีเซอร์ ในฉบับภาพยนตร์ ที่ฟรีเซอร์ร่างทองอยู่ร่างนี้ได้ไม่นานเพราะพลังถูกดูดไปเรื่อย ๆ เพราะยังไม่คุ้นกับร่างนี้ ดังนั้นการปล่อยออร่าออกมาตลอดเวลาจะเป็นการเผาพลาญพลังกายออกมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมาที่การต่อสู้ยกที่ 3 ที่เป็นการสลับแก้ว ซึ่งแน่นอนว่าสายตาของโกคูตอนสู้ต้องจ้องมองหมัดเท้าที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา การดูสลับแก้วแค่นี้จึงเป็นแค่สิ่งพื้น ๆ ที่ง่ายกว่าการดูหมัดเท้าศัตรูที่ปล่อยมาอีก
หลังจากนี้คือประเด็นที่น่าสนใจและให้เนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้าเสียที เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังที่แอบชักใยเรื่องราวทุกอย่างนั่นก็คือพี่สาวของ ท่านไคโอชิน ที่ชื่อ อารินส์ ที่ตั้งแต่ที่ ราชาปีศาจโกม่า ไปขอพรดราก้อนบอลบนโลกให้พวกโกคูกลายเป็นเด็กให้หมด ทางนั้นก็เริ่มวางแผนการให้ กลอริโอ มาหาพวกโกคูเพื่อชวนมาโลกปีศาจและหลอกให้ไปรวบรวมดราก้อนบอล โดยในตอนนี้ทางอารินส์บอกเองเลยว่าดราก้อนบอลจะเป็นแผน 2 ถ้าแผนการสร้างจอมมารบู 2.0 ไม่เป็นไปตามแผน เพราะแม้แต่ผู้ให้กำเนิดจอมมารบูตัวจริงยังพูดเลยว่า ราชาปีศาจโกม่าที่เห็นตัวเล็ก ๆ ท่าทางตลกแบบนั้นกลับแข็งแกร่งมาก ๆ และต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่น่าจะเก่งไปกว่าราชาปีศาจดาบูร่า อาจารย์โทริยามะเลยต้องหาคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อมาสู้กับพวกโกคู นั่นก็คือจอมมารบู 2.0
โดยจุดที่น่าสนใจของ Dragon Ball Daima ตอนที่ 8 ก็คือตอนที่อารีนส์ไปเอาชิ้นส่วนของจอมมารบูมา และเอาไปให้แม่มดที่เป็นคนสร้างจอมมารบูตัวจริงสร้างจอมมารบู 2.0 ขึ้นมา โดยในคราวนี้จอมมารบูตัวใหม่จะสามารถควบคุมได้ผ่านการประสานจิตกับอารีนส์ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่ความผิดพลาดแบบในอดีตที่จอมมารบูไม่สามารถควบคุมได้ และเดี๋ยวเรื่องนี้เราจะมาขยายแบบละเอียดอีกครั้งในบทความต่อไป อ่านตรงนี้จบก็ไปอ่านต่อได้เลย และคงต้องมารอดูว่าจอมมารบูตัวใหม่จะหน้าตาแบบไหนมารอลุ้นกัน
เรื่องราวเริ่มจะเดินไปข้างหน้าขึ้นมาแล้ว หลังจากที่วนเวียนอยู่กับการเดินทางอยู่ในโลกปีศาจแห่งที่ 3 อยู่นานหลายตอน คราวนี้พวกโกคูคงจะเดินทางไปยังโลกปีศาจแห่งที่ 2 ต่อ และขอเดาว่าพวกเบจิต้าก็น่าจะเดินทางตามมาทัน ซึ่งคราวนี้เบจิต้าจะเป็นคนสู้กับทามะกามิหมายเลข 2 บ้าง และเราจะได้เห็นเบจิต้าในร่างซูเปอร์ไซย่าแน่นอน อ้างอิงจากตารางการขาย SHF ที่ทำออกมาช่วงจังหวะเดียวกับในอนิเมะพอดี มารอดูว่าจะเดาถูกไหม ก่อนจะปิดท้ายในตอนที่ 8 ที่ทิ้งท้ายไว้เกี่ยวกับที่มาของดราก้อนบอลในโลกปีศาจว่ามีความเป็นมาอย่างไร เมื่อถึงตอนนั้นเรามาสรุปเนื้อหากันอีกครั้งติดตามเอาไว้ได้เลย