มาแล้วจ้ามาแล้วไม่ต้องรอนานกับสปอยล์ One Piece ตอนที่ 1133 แบบรวดเร็วทันใจ โดยก่อนจะไปพูดถึง One Piece ตอนที่ 1133 เรามาพูดถึงตอนที่ 1132 กันเล็กน้อยเพื่อว่าหลายคนลืมไปแล้ว โดยเมื่อตอนที่แล้วจะเป็นการบอกเล่าถึงการเดินทางของเหล่าลูกเรือโจรสลัดหมวกฟาง ที่ทั้งสองกลุ่มที่แยกกันไปนั้นต่างก็มาถึงเกาะคนยักษ์อาณาจักรเอลบัฟพร้อม ๆ กัน และได้อธิบายถึงความยิ่งใหญ่และความแฟนตาซีของที่นี่ ผ่านภาพที่อลังกาลงานสร้างจนคนทำอนิเมะต้องปวดหัวอย่างแน่นอน ก่อนที่เรื่องราวจะจบลงตรงนี้ และถ้าใครจำได้ใน One Piece ตอนที่ 1131 ได้ทิ้งเรื่องราวบางอย่างเอาไว้ซึ่งมันจะเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้ละ เรื่องราวของ One Piece ตอนที่ 1133 จะเป็นอย่างไรมาอ่านไปพร้อมกันเลย
เริ่มต้นตอนมาจะเป็นเรื่องราวตอนที่ โรบิน ยังเป็นเด็ก ซึ่งเรื่องราวนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในตอนย้อนอดีตของเธอ แต่คราวนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวเดิมแต่เป็นอีกมุมมองของตัวละครอื่นที่อยู่ในตอนนั้น โดยเริ่มฉากมาก็จะเป็นตอนที่ สเปนไดน์ กล่าวหาโรบินว่าเป็นคนจมเรือของทหารเรือและทำลายเรืออพยพจนหมด ซึ่งเราก็รู้ดีว่าสเปนไดน์นั้นโกหก แถมพี่แกยังเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกนักข่าว จากนั้นก็จะเป็นภาพโรบินตอนเด็กวิ่งหนีไปตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนเป็นการบอกว่าเธอได้เดินทางไปเรื่อย ๆ และมีฉากหนึ่งเราจะเห็นโรบิ้นกำลังดูแผนที่ในร้านหนังสือ และเธอก็แอบวาดเมืองโอฮาร่าลงไปในนั้น รวมถึงฉากที่โรบินที่กำลังกินเศษอาหารจากถังขยะอยู่ข้างหมา โดยในภาพเราจะเห็นท่าทางของคนที่มองเด็กสาวคนนี้ด้วยท่าทางรังเกลียด
ขณะที่ผู้คนที่รู้ข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่โรบินทำ ผู้คนต่างก็พูดถึงเด็กน้อยคนนี้ไปต่าง ๆ นานา โดยมีเสียงผู้คนต่างพูดถึงโรบินว่า "นางน่าจะฉลาดพอ ๆ กับนักวิชาการเลย แต่เห็นแบบนี้นางกลับไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไรเหมือนมนุษย์อย่างเรา ๆ หรอก ดูจำนวนเงินค่าหัวพวกนี้สิ ไปหยิบอาวุธมาแล้วตามล่าเธอกันเถอะ อย่าไปหลงกลรูปลักษณ์เด็กคนนี้เชียว นางอาจจะใช้พลังที่เราไม่รู้จักก็ได้ พวกทหารเรือทำอะไรกันอยู่นะ นางเป็นศัตรูของโลกเชียวนะทำไมไม่รีบไปตามจับมันมา" พอต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความถูกใส่ร้ายโรบินก็คิดจะฆ่าตัวตาย แต่เธอก็หยุดความคิดนั้นก่อน เพราะนึกถึงคำพูดของ โอลิเวีย (แม่ของโรบิน) กับ เซาโล โรบินที่คิดได้เธอเลยวิ่งออกไปมาจากตรงนั้น พร้อมกับพยายามหัวเราะแบบเซาโลท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งของผู้คนที่ไล่หลังมา แต่เสียงที่อยู่ในหัวของโรบินมีเพียงสองเสียงนั่นคือเสียงแม่ของเธอบอกว่า "จงมีชีวิตอยู่นะ โรบิน" กับเสียงเซาโลที่พูดว่า "เธอต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้นะ"
ตัดมาที่ปัจจุบันเรือ Great Eirik ได้มาจอดเทียบท่าเรือของหมู่บ้านเอลบัฟเป็นที่เรียบร้อย โดยท่าเรือแห่งนี้รายล้อมไปด้วยเมฆที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนน้ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มของลูฟี่ก็มาเทียบท่า ทางด้านลูฟี่ที่เห็นความอลังกาลของเกาะ ก็ร้องอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ ส่วนอุซปก็ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันก็ร้อมตะโกนว่า "ดูนี่สิ ที่นี่มีแต่เรื่องน่าทึ่งเต็มไปหมด" ส่วนลิลิธก็ยืนดูและบอกว่า "สภาพอากาศที่เอลบัฟในตอนนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก มีทั้งเมฆเกาะทะเลเมฆฟองสบู่สายรุ้งและการลอยตัว เทคโนโลยีทุกอย่างสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีจนน่าเหลือเชื่อบนเกาะแห่งนี้"
ในตอนนี้ทุกคนบนกลุ่มหมวกฟางได้กลับมาเจอกันที่กลางหมู่บ้าน นามิ ที่เห็นโรบินก็ทักทรงผมที่เปลี่ยนไปของเธอ ส่วนโรบินก็ทักเรื่องชุดของพวกนามิว่าเข้ากับเกาะนี้เป็นอย่างมาก (ไม่อยากคิดถึงตอนที่ โร้ด เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นามิ) ส่วน ฮัจรูดิน ได้พบกับกลุ่มหมวกฟางเขาแนะนำกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์ใหม่ให้พวกลูฟี่รู้จัก ส่วน โร้ด ก็ถูกจับและตรึงแขนไว้ด้วยโซ่ ฮัจรูดินเมื่อเห็นลูฟี่ก็ทักทายและแสดงควงามยินดีที่เขาได้เป็นใหญ่เป็นโตในตอนนี้ และพอทุกคนรวมตัวกันครบฮัจรูดินก็แนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับทุกคนว่า พวกเขาและยักษ์อีกสามตนเป็นกลุ่มโจรสลัดนักรบยักษ์ใหม่ ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของลูฟี่ ซึ่งลูฟี่ปฏิเสธแล้วบอกว่าไม่อยากได้ แต่ฮัจรูดินก็เถียงกลับแล้วบอกว่าเขาอยากเป็นแบบนั้นเอง
ฮัจรูดินบอกว่าสถานการณ์ที่บิ๊กมัมพ่ายแพ้ ข่าวก็ดังมาถึงเอลบัฟเช่นกัน เกิร์ด บอกว่าน่าเสียดายเพราะก่อนหน้านี้เธอกับบิ๊กมัมเป็นเพื่อนกัน แต่บิ๊กมัมทำสิ่งที่อภัยไม่ได้ต่อเอลบัฟ หลังจากนั้นทุกคนก็จัดงานเลี้ยงให้พวกหมวกฟาง ในตอนนั้นเกิร์ดได้บอกกับโรบินว่า เซาโล น่ารอโรบินอยู่ที่โรงเรียนใกล้หมู่บ้าน และทางเซาโลเคยบอกว่าเขาต้องการให้โรบินรู้จักกับห้องสมุดของเอลบัฟ ในตอนแรกโรบินจะไปพบเซาโลคนเดียว แต่กลุ่มหมวกฟางแห่กันไปหมด จนต้องเลื่อนงานเลี้ยงออกไป ก่อนที่เกิร์ดจะพากลุ่มหมวกฟางขึ้นเรือและเริ่มเล่าให้ฟังว่า เซาโลสอนหนังสือประวัติศาสตร์เอลบัฟอยู่ที่นี่ อุซปตกใจมากที่รู้ว่าคนยักษ์ที่เป็นนักรบก็รอบรู้เรื่องประวัติศาสตร์ด้วย เกิร์ดบอกว่าอาจารย์เซาโลจะเน้นสอนวิชาประวัติศาสตร์เป็นหลัก และยังมีการบรรยายเกี่ยวกับหนังสือต่าง ๆ ให้ฟังอีกด้วย
ตอนนี้พวกหมวกฟางมาถึง Warrior Spring แล้ว ส่วนใกล้ ๆ กันนี้คือห้องสมุดนกฮูก ทั้งหมดมาถึงน้ำพุขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนทะเล เหนือ Warrior Spring เราจะมองเห็นบ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนกิ่งไม้ นามิที่เห็นก็ตกใจมากเธอบอกว่า "นั่นมันชายหาดทั้งหาดเลยหรอ" เกิร์ดบอกนามิว่า "ใช่แล้วส่วนหนึ่งของต้นไม้กลายเป็นฟอสซิลจากการผุกร่อนทำให้เกิดทรายขึ้นมา และมีน้ำขึ้นน้ำลงอีกด้วย แต่ก็มีคลื่นที่เกิดจากน้ำตก" นามิบอกว่ามันก็เหมือนทะเลนั่นแหละ ตัวของโรบินตอนนี้เธอรู้สึใจเต้นแรงเมื่อจะได้เจอคนที่เธอคิดถึงมานาน แต่จู่ ๆ ก็มีเด็กสาวร่างยักษ์วิ่งเข้ามาหาพวกเขา พร้อมตะโกนว่าคุณเซาโลเป็นลมไม่ขยับตัวเลย ลูกเรือหมวกฟางทุกคนต่างตกใจ แต่เมื่อโรบินได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นเธอก็แค่หัวเราะและพูดขึ้นมาว่า "โง่จริง ๆ เลย"
โรบินเดินผ่านชายหาดมาที่ร่างของเซาโลที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนชายหาด เมื่อโรบินเข้าใกล้เซาโลเธอก็ยิ้ม ส่วนเซาโลก็เงยหน้าขึ้นมาและส่งเสียงคำรามใส่เธอ ซึ่งนี่คือฉากเดียวกันกับที่พวกเขาพบกันครั้งแรกในตอนที่ 392 เซาโลหัวเราะ ส่วนโรบินก็หัวเราะตอบและบอกว่าเสียงหัวเราะของคุณยังแปลกอยู่เลยนะ เซาโลบอกกับโรบินว่าเขาไม่รู้ว่าจะทำหน้าแบบไหนดี เลยพยายามแกล้งโรบินให้ประหลาดใจ จากนั้นจะมีบทสนทนาระหว่างโรบินกับเซาโล เขาบอกว่าโรบินดูเหมือนแม่ของเธอมาก และพูดถึงเรื่องที่เวกาพังค์ที่ได้ดูการถ่ายทอดเสียงของชาวโอฮาราให้คนทั้งโลกได้รับรู้
หลังจากนั้นเราจะเห็นฉากย้อนอดีต ที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซาโล หลังจากเหตุการณ์ของ โอฮาร่า เซาโลอธิบายว่าเขาตื่นขึ้นมาในทะเล เขาจึงสันนิษฐานว่าแรงระเบิดที่ทำลายโอฮาร่าได้ละลายน้ำแข็งที่เขาถูกขังไว้ไปด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับบาดแผลไฟไหม้ทั่วร่างกาย โรบินห้ามไม่ให้เซาโลพูดเรื่องอดีตอีก โรบินบอกว่า "ฉันไม่อยากพูดเรื่องน่าหดหู่ใจอีกต่อไปแล้ว เซาโล คุณภูมิใจหรือเปล่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้" เซาโลกอดโรบินพร้อมหัวเราะ "นั่นคือสิ่งที่เธอทำได้ ข้านึกอยู่แล้วเชียวเด็กน้อยในตอนนั้นที่ถูกคนทั้งโลกไล่ล่าจะทำได้แบบนี้ เธอทำได้ดีมากโรบินทำได้ดีมากจริง ๆ ที่รอดมาได้ตลอด 22 ปี และเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้"
ภาพตัดมาที่อดีตซึ่งเป็นภาพของโรบินตอนเด็กร้องไห้ใต้สายฝน ในปัจจุบันโรบินและเซาโลก็ร้องไห้ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว โรบินในอดีตพูดว่า "ทำไมหนูต้องมีชีวิตอยู่ด้วยคะแม่ ท่านอาจารย์เซาโล ฉันอยากตายแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว" โรบินปัจจุบัน "ฉันคิดถึงคุณมากเลยนะเซาโล" ฉันก็ด้วยเซาโลตอบ พร้อมกับภาพของกลุ่มหมวกฟางที่กำลังร้องไห้ในความซาบซึ้ง มีเพียง ลูฟี่ โซโล และ จินเบ เท่านั้นที่ไม่ร้องไห้ ในช่องสุดท้ายของบทนี้ จะเป็นภาพลูฟี่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นโรบินกับเซาโรได้เจอกัน จบตอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สปอยล์ One Piece ตอนที่ 1133 ที่บอกเลยว่าซาบซึ้งชวนน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว โดยในสัปดาห์หน้า One Piece ตอนที่ 1134 งดหนึ่งตอนเหมือนเคย เรื่องราวตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร และจะมีฉากเรียกน้ำตาอีกไหมรอติดตามกันได้ ส่วนใครที่อ่านตรงนี้จบก็ไปรออ่านตัวเต็มแบบแปลไทยกันได้ที่เว็บไซต์ MANGA Plus ได้เลย อ่านตรงนี้ก่อนกันโดนสปอยล์ พอตัวเต็มมาใน MANGA Plus ก็ไปอ่านอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียด และถ้า One Piece ตอนที่ 1134 มาเมื่อไหร่เราจะรีบเอามาให้คุณได้อ่านทันทีติดตามเอาไว้ได้เลย