รีวิวซีรีส์ อนาฅต บน Netflix เรื่องราวเสียดแซะความเป็นไทยแทร่ผ่านซีรีส์

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พุทธศักราช 2567 14 นาฬิกา 47 นาที 32 วินาที เวลาอินโดจีน

HeroMon

คุณเคยคิดบ้างไหมว่าอนาคตราว ๆ 20 ปีต่อไปจากนี้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร จะมีหุ่นยนต์เดินไปมาแบบในหนังไซไฟอนาคตที่เราเคยดูกันไหม หรือเป็นอนาคตที่ล่มสลายทุกอย่างพังพินาศไปหมด หรือจะเป็นแบบในซีรีส์ อนาฅต ที่ฉายบน Netflix ที่หลายอย่างก็พัฒนาขึ้นไปแต่หลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะตัวมนุษย์หรือที่เราเรียกว่าคนไทยแทร่ก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการเสียดสีแคะแกะเกาตามภาษาคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการบอกให้คนรุ่นเก่ารู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าเรายังคงเป็นไทยแทร่อยู่แบบนี้ผ่านมุมมองของซีรีส์ทั้ง 4 ตอน 4 เรื่องราว ที่แต่ละตอนหักมุมได้โดนใจแบบสุด ๆ เรามาดูกันว่าซีรีส์ อนาฅต มันเสียดสีคนรุ่นเก่าแบบไหนอย่างไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

อย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้นแล้วว่ามันคือเรื่องสั้น 4 ตอนที่บอกเล่าเรื่องราวในอนาคตปี 2596 (นับช่วงเวลาในตอนสุดท้ายเป็นหลัก และถ้าคุณสงสัยว่าทำไมต้องนับตอนสุดท้ายไปดูเองแล้วจะเข้าใจ) โดยในตอนแรกสุดนั้นเหมือนจะเป็นตัวหลอกคนดูให้ตายใจ ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของอนาคตของคนในกรุงเทพว่าเป็นอย่างไร ผ่านมุมมองของเทคโนโลยีโลกอนาคตที่ล้ำสมัย ก่อนที่ตอนที่ตอนต่อ ๆ ไปจะเริ่มเสียดสีแคะแกะเกาสังคมไทยแบบเจ็บแสบถึงกึ๋น ที่ถ้าคุณผ่านตอนแรกที่มีชื่อตอนว่า นิราศแกะดำ ไปได้คุณจะค้นพบความสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ ที่บางคนอาจจะไม่สนุกก็ได้ เรามาคิดวิเคราะห์แยกแยะแต่ละตอนกันว่ามันมีอะไรน่าสนใจบ้างเรามาดูไปทีละตอนกันเลย (เนื้อหาไม่มีสปอยล์ใด ๆ)

ตอนแรก นิราศแกะดำ อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าตอนแรกของซีรีส์ มันคือตัวหลอกคนดูให้ตายใจ เพราะเนื้อหาของตอนนี้มันต่างกับเรื่องอื่น ๆ อย่างชัดเจน ที่บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่สูญเสียภรรยาไปจากการลงจอดของกระสวยอวกาศที่ลงมายังโลก จนทำให้เขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง พร้อมกับคำถามที่ถามคนดูว่า ความรักคืออะไรความรักคือการให้คนที่เรารักมีความสุข หรือความรักคือการทำให้เรามีความสุข เพราะตอนดูคุณจะถูกแบ่งฝ่ายออกไปทันทีว่าจะเลือกอยู่ฝ่ายไหน และไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่ฝ่ายไหนสุดท้ายมันก็จบลงแบบที่คุณคิดไม่ถึงอยู่ดี และผลที่ออกมาก็มีฝ่ายหนึ่งที่ชนะบอกตรงนี้

ส่วนข้อเสียขอตอนนี้คือใส่ดราม่าเยอะเกินไป เนื้อเรื่องจริง ๆ มันมีจึ๋งเดียวแต่เวลามันตั้ง 1 ชั่วโมง ผู้กำกับเลยใส่ฉากโมเม้นความรักความเอาใจใส่ของคนสองคนลงไปตลอดทั้งตอน ที่ถ้าคนอินก็จะฟินน้ำตาแตกกับฉากความรักของทั้งคู่ แต่คนไม่อินคงจะบอกว่า "เออรู้แล้วว่าคุณสองคนรักกันขนาดไหนพอแล้วรู้แล้ว" ซึ่งคุณต้องไปดูเองแล้วจะเข้าใจ เพราะมันจะถูกใส่มาตลอดทั้งตอนเพื่อสะสมมาระเบิดตอนท้าย ที่เล่นเอาคนดูอึ้งทึ่งงงไปเหมือนกันลองไปดูเองแล้วจะเข้าใจว่ามันอึ้งตรงไหน

มาถึงตอนที่ 2 ในชื่อตอนว่า เทโนโยนี ที่คราวนี้คือของจริงกับการเสียสีบ้านเราพร้อมกับคำว่า ประเทศไทยคือเมืองพุทธ ประเทศเราไม่มีการค้าประเวณีไปตรวจเท่าไหร่ตรวจกี่รอบก็ไม่เคยเจอ นั่นคือที่มาที่ไปของตอนนี้ ที่ถ้าใครติดตามข่าวสารก็น่าจะรู้ว่าบ้านเราในตอนนี้ห้ามนำเข้า Sex Toy เพราะมันผิดศีลธรรมอันดีงามของประเทศไทย ที่เรื่องเพศเป็นเรื่องลามกต้องห้าม โดยเฉพาะการค้าประเวณีคือสิ่งที่น่ารังเกลียดที่ประเทศเราไม่ควรมี แต่ก็มีคนลุกขึ้นมาทำหุ่นเพื่อบริการทางเพศออกมา เท่านั้นละประเทศเมืองพุทธอย่างเราก็ลุกเป็นไฟว่ามันเหมาะสมควรไม่ควร ซึ่งคุณเท่านั้นต้องเป็นคนดูและตัดสินใจว่าคุณจะอยู่ฝั่งไหน

ตัวเรื่องจะเล่าผ่านคนที่คิดจะเปลี่ยนประเทศไทย ให้ยอมรับเรื่องเพศการค้าประเวณีให้มันถูกต้อง เพราะเรื่องเพศศึกษามันคือเรื่องใกล้ตัวที่เราควรเรียนรู้ไม่ใช่เป็นข้อห้าม ซึ่งเนื้อหานอกจากการเสียสีสังคมกับเหล่าผู้ใหญ่ที่เป็นไดโนเสาร์แล้วแล้ว ก็มีฉากแบบ 18+ นิด ๆ ให้เป็นน้ำจิ้ม แต่ที่จะเป็นข้อเสียให้ติก็คงจะเป็นเรื่องเสียง ที่ตอนดูควรใส่หูฟังหน่อยก็ดี เพราะผู้เขียนโดนคนในบ้านเดินมาดูว่ากำลังทำอะไรเพราะเสียงในตอนนี้แถมมีเยอะด้วย ส่วนเนื้อหาที่สะท้อนสังคมก็ทำแบบแบบเจ็บจี๊ด ที่แซะพวกผู้ใหญ่ในสังคมที่ปากบอกไม่เอา ๆ มันผิดนั่นนี่นู่นแต่ลับหลังเอา ๆ ๆ ๆ ๆ ที่ในตอนจบตอนนี้ก็บอกเราว่า นี่ละคือไทยแทร่ของจริง

มาถึงตอนที่ 3 ในชื่อ ศาสดาต้า ที่มาพร้อมกับเรื่องราวของศาสนาพุทธ พร้อมกับคำถามที่ว่า ถ้าเราทำบุญตอนนี้จะเห็นผลตอนไหน แต่ถ้าเราทำบุญตอนนี้แล้วเห็นผลตอนนี้ละจะดีแค่ไหน เพียงแค่คำถามประโยคสั้น ๆ นี้ก็เล่นเอาเราคนดูสามารถแบ่งออกเป็นสองฝ่ายได้แล้ว ฝ่ายหนึ่งที่เห็นด้วยก็บอกว่าถ้าเราทำทำบุญตอนนี้ก็ควรเห็นผลตอนนี้ซิ เพราะชาติหน้าไม่รู้จะมีรึเปล่า กับอีกฝ่ายที่อยู่ฝั่งพระก็จะบอกว่า การทำบุญไม่ใช่การทำเพื่อให้ตนเองได้สิ่งตอบแทน แต่การทำบุญคือการให้ด้วยใจโดยที่ไม่หวังอะไร มันคือการไม่ยึดติดไม่ถือมั่นอะไร ซึ่งตลอดทั้งตอนนี้จะมีคำถามนี้วนไปเวียนมาตลอดผ่านทั้งสองฝั่ง จนสุดท้ายมันก็หักมุมเลี้ยวเหมือนรถตกถนน พร้อมทิ้งคำถามที่ว่า ธรรมะที่แท้จริงคืออะไร คุณเท่านั้นที่จะตอบได้เพราะซีรีส์นี้ไม่ตอบเรา

ในส่วนของเนื้อหาตอนอย่างที่เราได้บอกไปว่า มันคือตอนที่เราต้องถามตัวเองว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหน ระหว่างทำบุญแล้วเอาแต้มบุญไปแลกของ จนกลายเป็นการบังคับคนให้ต้องทำความดี กับการทำความดีจากใจไม่ต้องบังคับ แต่ก็ไม่มีใครทำหรือมีคนทำก็น้อย และพอมาถึงช่วงกลางเนื้อหาก็จะเปลี่ยนมาเป็นถ้าศาสนาสามารถเข้าถึงคนได้มากขึ้นจะดีแค่ไหน ซึ่งตอนท้ายแทนที่ซีรีส์จะมีคำตอบของคำถามที่ตัวเองให้คนดูคิด แต่ตอนจบมันกลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจนและปล่อยให้เราไปคิดเอาเอง เหมือนจะสรุปว่าต่อให้เราคิดดีทำดีแค่ไหนเราก็เป็นมนุษย์เป็นคนอยู่ดี และคุณต้องเลือกเองว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน เพราะสุดท้ายเราก็คือมนุษย์ นั่นคือคำตอบของคำถามของตอนนี้ งงไหมถ้าไปดูตอนนี้มาคุณจะเข้าใจในสิ่งที่เขียนนี้

ตอนสุดท้าย เด็กหญิงปลาหมึก ที่บอกเล่าเรื่องราวของโลกเราตอนนี้ที่มีฝนตกตลอดทั้งปีจนน้ำท่วมแล้วท่วมอีก ผ่านมุมมองของเด็กน้อยสองคนที่เป็นเพื่อนรักกันอยู่ด้วยกันในสลัมคนจน ที่เนื้อเรื่องออกไปทางตลกเสียดสีเน้นเอาฮาดูไปขำไป กับการเดินทางของเด็กน้อยสองคนที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น กับการยิงมุก 5 บาท 10 บาทที่น้องสองคนเล่นดีมาก ๆ เพลงก็เพราะโดนใจสุด ๆ พร้อมกับคำถามที่ว่า คนรุ่นก่อนเขาใช้สิ่งที่มีบนโลกโดยไม่คิดถึงเด็ก ๆ รุ่นหลังในตอนนี้เลยรึไง นั่นคือสิ่งที่เป็นประเด็นหลักของตอนนี้ ที่เป็นการสรุปจบทุกอย่างแบบไม่ต้องมีอะไรค้างคาและไม่ต้องต่อซีซัน 2 เพราะมันจบในตัวเองลงตรงนี้

ในส่วนของเนื้อหามันเอาความตลกมาล่อ ก่อนจะพาเราจมดิ่งแบบเอาแบบนี้จริงดิ ใครที่คิดจะดูทำใจก่อนนะเพราะมันดิ่งจริง ๆ เลยอยากเตือนเอาไว้ เพราะบางคนทนดูอะไรแบบนี้ไม่ได้ ขนาดคนเขียนที่มีภูมิคุ้มกันจากเรื่อง The Mist ยังทำใจไม่ลงกับตอนจบแบบนี้เลย ที่แค่รูป ๆ เดียวก็ทำเอาเราดิ่งได้ และถ้ามองข้ามตรงนี้ไปตอนสุดท้ายก็เป็นการบอกพวกเราตอนนี้ว่า ช่วยกันดูแลโลกหน่อยคนรุ่นต่อไปจะได้ใช้กันได้นั่นคือสิ่งที่ตอนสุดท้ายบอกเรา

เป็นอย่างไรกันบ้างกับการรีวิวซีรีส์ อนาฅต บน Netflix ที่แต่ละตอนที่บอกเลยว่าสนุกน่าสนใจและน่าค้นหาเหมือนเป็นเสียงสะท้อนของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการนำเสนอสิ่งที่แตกต่างและต้องการเปลี่ยนหลาย ๆ อย่างผ่านซีรีส์ และเป็นเหมือนเสียงสะท้อนความเป็นไทยแทร่ ที่บอกให้เราว่าในอนาคตประเทศไทยก็คงจะเป็นแบบนี้ประมาณนี้ละ และความเป็นไทยแทร่ของเราก็จะอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีคนที่หวงผลประโยคของตนเองและพวกพ้อง จนไม่สนใจส่วนรวมประเทศไทยก็จะเป็นแบบในซีรีส์ อนาฅต อย่างแน่นอน ใครสนใจก็ลองไปหามาดูบน Netflix ฉายแล้วตอนนี้แล้วคุณจะรู้ว่าไทยแทร่มันคืออะไร

Tags: #รีวิวซีรีส์_อนาฅต_บน_Netflix #Netflix #รีวิวซีรีส์ #ซีรีส์น่าดู

Entertainment