
มาถึงตอนที่ 12 กันแล้วกับอนิเมะเธอกับผมและเหล่าผีมนุษย์ต่างดาวอย่าง Dandadan ที่เรื่องราวในตอนนี้ก็ต่อเนื่องมาจากตอนจบตอนที่ 11 กันทันที ซึ่งในตอนที่แล้ว โอคารุน โมโมะ และ จิจิ ที่ไล่ตามหุ่นกายวิภาควิ่งได้พร้อมลูกป๋องแป๋งสีทองที่โมโมะเห็น จนเกิดเป็นการไล่ล่าขึ้นมา ก่อนที่ตอนท้ายเราจะรู้ว่าหุ่นกายวิภาคที่จู่ ๆ ก็วิ่งได้นั้นเขามาหาหุ่นกายวิภาคที่เป็นผู้หญิงที่ถูกทิ้งในกองขยะ ซึ่งการสารภาพรักและทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก ก็ทำให้โอคารุนของเราตั้งใจแนวแน่แล้วว่าจะไม่ถอย และจะเดินหน้าเพื่อแย่งชิงหัวใจโมโมะจังให้ได้

แน่นอนว่าต่อให้โอคารุนจะบอกว่าตัวเองจะพยายามสู้ในศึกชิงหัวใจนี้ แต่เมื่อเห็นว่าโมโมะจังสนิทจับจิจิหัวใจชายหนุ่มที่อ่อนไหว และคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเทียบเท่าอีกฝ่ายมันก็มีฝ่อมีจ๋อยกันบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ผู้ชายบางคนที่มีนิสัยคล้าย ๆ ผู้ชายอย่างโอคารุนจะเข้าใจเรื่องนี้ดี ยกตัวอย่างเราชอบผู้หญิงที่เป็นเพื่อนในห้อง และวันหนึ่งมีรุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬาโรงเรียนมาชอบเพื่อนผู้หญิงที่เราชอบ และพอรู้ว่ารุ่นพี่คนนั้นรู้จักเพื่อนผู้หญิงของเรามาตั้งแต่เด็กแถมบ้านอยู่ติดกัน เป็นใครก็คงรู้สึกพ่ายแพ้ไม่มีทางเอาชนะใจของเพื่อนสาวได้นั่นคือความรู้สึกของโอคารุนตอนนี้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจว่าจะสู้ก็พร้อมจะลุยทั้งที่กลัวก็ตาม เพราะถ้าไม่ตัดสินใจทำตอนนี้อาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้

และแน่นอนว่าตัวของจิจิเองก็รู้ว่าโอคารุนนั้นชอบโมโมะ เพราะผู้ชายเราจะสามารถรับรู้ถึงการเป็นศัตรูหัวใจได้โดยที่ไม่ต้องพูดออกมา (เรื่องง่าย ๆ ที่ผู้หญิงไม่รู้) แต่จะมีน้อยคู่มาก ๆ ที่กล้าถามอีกฝ่ายตรง ๆ ไปว่านายเองก็ชอบเธอคนนั้นซินะ เพราะต่อให้ไม่พูดเราก็รู้กันอยู่ดี ซึ่งเมื่อโอคารุนรู้ว่าจิจิเองก็ชอบโมโมะ ทางโอคารุนก็พร้อมจะลุยต่อแบบไม่ถอยยิ่งขึ้น ส่วนการพูดแข่งกันไปมาว่าต่างฝ่ายต่างเหนือกว่าอีกฝ่าย อันนี้เอาจริง ๆ ผู้ชายเราก็มักจะคิดเพื่อปลอบใจตัวเองเป็นเรื่องปกติ ว่าเราเคยจับมือเคยนั่นคุยเคยเพื่อให้รู้สึกเหนือกว่าอีกฝ่าย แบบที่โอคารุนรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าจิจิหนึ่งขั้น เพราะเคยจูบแบบฟันกระแทกกันมาแล้ว แค่ผู้ชายเราไม่ค่อยเอามาพูดกับอีกฝ่ายเท่านั้น

ต่อด้วยเรื่องของหุ่นกายวิภาคที่ออกมาวิ่งตอนกลางคืน เอาจริง ๆ มันก็เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าสยองขวัญในญี่ปุ่น ที่ถ้าใครชอบดูหรืออ่านมังงะผี ๆ ช่วงยุค 90 ก็น่าจะเคยผ่านตามุกนี้มาบ้าง และถ้าคุณสงสัยว่าหุ่นกายวิภาคออกมาวิ่งแบบนี้ไม่มีใครสงสัยหรอ เรื่องนี้ถ้ามองกันตามหลักในความเป็นจริงมันก็แปลกนั่นละ แต่อย่าลืมว่าอนิเมะนี้ถูกเขียนในยุคนี้ การที่เราจะเห็นคนแต่งตัวแปลก ๆ เดินตามถนนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว (มั้ง) เหมือนที่เราเห็นคนแต่ตัวแปลก ๆ ในคลิปต่างประเทศอะไรแบบนั้น

กลับมาที่เนื้อหาสาระของอนิเมะกันบ้าง ที่พอเรื่องราวของหุ่นกายวิภาคจบลงด้วยดี เราก็รู้ว่าเบื้องหน้าของจิจิที่เป็นคนร่าเริงดูบ้าพลังตลอดเวลา ความจริงแล้วเขาแอบเครียดกดดันและนอนไม่หลับอยู่แทบทุกคืน เพราะรู้สึกถึงการมีอยู่ของวิญญาณที่อยู่ในบ้านนั้นจะตามมาด้วย จนหลายคนเริ่มจะคิดตามไปได้ว่า ไม่แน่วิญญาณมันอาจจะอยู่ในร่างของจิจิก็เป็นได้ (ผู้เขียนยังไม่ได้อ่านมังงะดูแค่อนิเมะนี่จึงเป็นแค่การเดา) เหมือนกฎของวิญญาณที่บอกว่าเมื่อเราสบตาและรับรู้การมีอยู่ของมัน วิญญาณจะสามารถตามติดเราตลอดเวลาได้ แต่มันจะอ่อนแรงในตอนกลางวันแบบที่โมโมะบอก จึงไม่น่าแปลกที่จิจิจะรู้สึกกดดันในตอนกลางคืน

ต่อด้วยเหล่าชาวบ้านที่ถ้าเราตัดฉากอาบน้ำในบ่อน้ำร้อนรวม ที่ดูแล้วช่างคล้ายเรื่องราวในหนังผู้ใหญ่ของญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นเคยออกไป ชาวบ้านเหล่านี้ก็มีท่าทางแปลก ๆ ที่หลายคนก็น่าจะคิดแบบเดียวกันว่าพวกนี้อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอน และวิญญาณตนนี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันหรือฝั่งตรงข้ามก็ได้ และถ้าให้เดาในฐานะคนที่ไม่ได้อ่านมังงะก็ขอเดาว่า วิญญาณที่จิจิเจอนั้นคือวิญญาณที่ปกป้องที่นี่จากมนุษย์ต่างดาว แบบที่โอคารุนพูดไว้ในตอนก่อน ๆ ว่าวิญญาณพวกนี้อาจจะปกป้องโลกจากมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้ และจิจิอาจจะสามารถสื่อถึงวิญญาณได้ วิญญาณเลยจะขอยืมร่างให้ใช้พลังอะไรแบบนั้น (อันนี้เดาล้วน ๆ) ส่วนห้องยันต์นั้นเหล่ามนุษย์ต่างดาวสะกดวิญญาณเอาไว้รึเปล่า (ย้ำว่าเดาล้วน ๆ)

เรื่องราวกำลังสนุกและดูเหมือนอนิเมะ Dandadan ก็ใกล้จะจบซีซั่นที่ 1 แล้วคงต้องมารอลุ้นว่าโมโมะเราจะรอดจากเหล่าลุง ๆ ที่บ่อน้ำร้อนไหม (ถ้าเป็นหนังผู้ใหญ่ที่เราเคยดูไม่น่ารอด) แล้ววิญญาณที่อยู่กับจิจิคืออะไร ห้องที่มียันต์มีความหมายอะไรกันแน่มารอลุ้นกันในตอนต่อไปได้เลย เพราะเมื่อ Dandadan ตอนที่ 13 มาเมื่อไหร่เราจะรีบเอามาพูดคุยกันอีกแน่นอนติดตามเอาไว้ได้เลย ส่วนใครที่สนใจอนิเมะ Dandadan ก็ไปติดตามดูกันได้ทาง Netflix ได้เลย จะฉายทุกวันพฤหัส และแนะนำให้ดูพากย์ไทยเพราะดีงามมาก ๆ ลองไปดูแล้วจะติดใจ