
เมื่อพูดถึงบุคคลสำคัญในวงการเกม เราคงจะคิดถึงนักพัฒนาเกมชื่อดังหลายคนที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นคุณ ฮิเดโอะ โคจิม่า หรือ คุณ ฮิเดกิ คามิยะ แต่สำหรับเกมเมอร์ที่ค่อนข้างมีอายุหน่อยก็อาจจะคิดถึงนักพัฒนาเกมรุ่นเก่าแต่เก๋าที่อยู่กับวงการเกมมานานกว่า 40 ปีนั่นคือคือปู่ โฮริอิ ยูจิ ผู้ให้กำเนิดเกม RPG ระดับตำนานตั้งแต่อดีตมาจนถึงตอนนี้อย่างซีรีส์ Dragon Quest ที่ถ้าเรานับเฉพาะภาคหลักของซีรีส์นี้อาจจะมีแค่ 11 ภาค แต่ถ้าเราไปดูภาคแยกภาคเสริมภาคย่อยภาคขยายภาคพิเศษ เราจะเห็นเกมซีรีส์นี้ออกมาเป็นสิบ ๆ เกมเลยทีเดียว โดยทุกเกมที่ขึ้นชื่อ Dragon Quest ต่างก็มาจากความคิดหรือมีส่วนร่วมของปู่โฮริอิแทบทั้งสิ้น และล่าสุดในบทสัมภาษณ์กับทาง Famitsu ปู่โฮริอิ ก็บอกกับแฟน ๆ ว่าแกจะเป็นนักพัฒนาเกมตลอดไปจนกว่าจะตุย

โดยเรื่องราวนี้มาจากการสัมภาษณ์ปู่โฮริอิ ที่ตอนนี้แกก็อายุปาเข้าไป 70 ปีแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงมาทำงานทุกวัน ซึ่งปู่แกก็ยังคงทำงานให้กับทาง Square Enix (สมัยก่อนมีแค่ Enix) โดยปู่แกบอกว่าแกใช้ชีวิตกว่าสี่ทศวรรษในฐานะนักออกแบบเกมที่ทำงานกับ Enix และระหว่างการสัมภาษณ์ปู่โฮริอิปัดความคิดที่จะเกษียณตัวเอง โดยบอกว่า "เขาจะเป็นนักพัฒนาเกมตลอดไป และตั้งใจที่จะสร้างสรรค์เกมต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้" โดยผลงานล่าสุดของปู่คือเกม Dragon Quest III HD-2D Remake ที่ตอนนี้ก็สร้างกระแสและเป็นที่สนใจในวงกว้าง ที่แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้ก็ต้องหันมาเล่น พร้อมกับยอดขายที่พุ่งกระฉูดแบบคาดไม่ถึงอยู่ตอนนี้

ส่วนผลงานในอนาคตตอนนี้ที่เรารู้อย่างแน่นอนก็คือเกม Dragon Quest 12 The Flames of Fate ที่เริ่มต้นพัฒนามาตั้งแต่ปี 2021 โดยทางปู่ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่จะเกิดขึ้นกับเกม Dragon Quest 12 ว่า ภาคนี้จะมีการปรับปรุงการต่อสู้แบบดั้งเดิม ที่ยืนหน้ากระดานพลัดกันโจมตีออกไป และเพิ่มโทนเรื่องให้ดูมืดมนจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม โดยลุงแกไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเกมจะเปิดตัวเมื่อไหร่และจะวางจำหน่ายตอนไหน นอกจากนี้ก็มีการพูดถึงการร่วมงานกับคุณ ซากากูจิ ฮิโรโนบุ ผู้สร้างซีรีส์ Final Fantasy ที่มีการร่วมมือกันสร้างเกมที่ยังไม่เปิดเผยชื่อในโครงการว่า Armor Project ที่จะทำให้กับ Square Enix ในอนาคต

จนถึงตอนนี้เราทุกคนต่างก็ให้กำลังใจปู่โฮริอิให้สุขภาพแข็งแรง อยู่สร้างผลงานให้เราต่อไปอีกนาน ๆ เพราะคนญี่ปุ่นจะเป็นประเภทบ้างาน พอแก่ตัวไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรทางบริษัทต่าง ๆ ในญี่ปุ่นจึงยังคงจ้างคนแก่เหล่านี้มาทำงานต่อ (ถ้าทางนั้นยังคงอยากทำงานต่อ) เพราะอย่าลืมว่าพวกคนแก่เหล่านี้คือหนึ่งในคนที่ปูรากฐานให้บริษัทให้มั่นคง เหมือนดังคำกล่าวที่ว่าคนแก่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็เป็นเรื่องจริง ที่บางครั้งเด็กก็ควรฟังผู้ใหญ่เอาไว้บ้าง (ทางผู้ใหญ่ก็ควรรับฟังมุมมองของเด็กด้วยเช่นกัน) เพราะถ้าไม่มีพวกคนแก่เหล่านี้เราคงไม่เห็นเกมดี ๆ แบบทุกวันนี้อย่างแน่นอน