
เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านสปอยล์ One Piece ตอนที่ 1135 คงจะงงว่าจู่ ๆ One Piece มันมีมาได้อย่างไรเพราะตามปกติมันต้องหยุดยาว ๆ ในช่วงปีใหม่ ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็คิดแบบนั้น ที่พอได้รู้ข้อมูลก็แอบตกใจแปลกใจไม่แพ้กัน จนรีบไปหาข้อมูลจนพบว่ามันคือความผิดพลาดของทาง MANGA Plus ของประเทศฝรั่งเศสที่ตั้งเวลาลงมังงะผิด จนทำให้ One Piece ตอนที่1135 ออกมาล่วงหน้า 1 อาทิตย์ เมื่อเป็นแบบนั้นเราเลยขอหยิบข้อมูลที่ได้มาเอามาสปอยล์ให้อ่านล่วงหน้าไปเลย เพราะเชื่อว่าคนที่อ่านสปอยล์ตรงนี้ไปแล้ว พอทาง MANGA Plus ปล่อย One Piece แบบแปลไทยออกมาเต็ม ๆ เราก็คงไปอ่านกันอีกรอบอยู่ดี (รวมผู้เขียนด้วย) เมื่อเป็นแบบนั้นเราก็มาดู One Piece ตอนที่ 1135 จะมีอะไรน่าสนใจกันบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

เปิดตอนมาจะเป็นภาพของ บอนนี่ กับ ช็อปเปอร์ อยู่ในห้องสมุดนกฮูกบนหนังสือเล่มใหญ่ ทางด้าน เซาโล ก็แนะนำนกฮูกที่ดูแลห้องสมุดแห่งนี้ ว่านกตัวตัวนี้อยู่ที่นี่มานานหลายร้อยปีแล้ว มันมีชื่อว่าชื่อ บีเบล็อต เซาโลยังบอกต่อว่านกฮูกตัวนี้มีพลังพิเศษบางอย่าง ที่สามารถขยายหนังสือที่อยู่ในอาณาเขตของมันให้มีขนาดใหญ่ได้ (ข้อมูลบอกว่านกฮุกตัวนี้กินผล อิคุอิคุ ลงไป) ทางเซาโลบอกอีกว่า ข่าวสารต่าง ๆ จากข้างนอกไม่สามารถมาถึงที่เกาะคนยักษ์ได้ (หมายถึงหนังสือพิมพ์นกไม่ได้บินมาที่นี่) เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลโลก แต่ก็มีชาวประมงที่ผ่านทางมาเอาหนังสือมาให้เหล่าคนยักษ์ได้อ่าน ส่วนช็อปเปอร์ก็ถามเซาโลว่ามีหนังสือการแพทย์ไหม เพราะเค้าอยากอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่ม แต่โรบินบอกว่าที่นี่มีหนังสือการแพทย์แต่น้อยมาก ส่วนมากจะเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เสียมากกว่า

ตัดมาที่ทาง ลูฟี่ ฮูซป ที่กำลังเล่นชิงช้ากับเหล่าเด็กคนยักษ์ (แต่แทนที่ลูฟี่ที่ตัวเล็กจะกลัว เด็กคนยักษ์กลับร้องไห้เพราะถูกแกว่งชิงช้าโหดเกิน) จนถูก นามิ มาจัดการห้ามลูฟี่ด้วยสีหน้านางยักษ์ แต่แทนที่เด็ก ๆ จะโอเคที่เห็นลูฟี่โดนนามิจัดการ เด็ก ๆ กลับกลัวนามิแทนและวิ่งร้องไห้ไปซบอก เกิร์ด จนลูฟี่บ่นกับเหล่าเด็ก ๆ ว่าพวกนายเป็นคนของเผ่าคนยักษ์ไม่ใช่หรอ ทำไมขี้แงอ่อนปวกเปียกกันจัง ทาง ซันจิ จึงบอกกับลูฟี่ว่าเด็ก ๆ ของที่นี่เป็นเด็กอ่อนโยนจิตใจดีต่างกับพวกคนยักษ์รุ่นก่อน เด็กพวกนี้ก็แค่แกล้งทำตัวให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองแข็งแกร่งก็เท่านั้นเอง พอซันจิพูดจบเด็ก ๆ ก็ไปกอดนามิจนซันจิของขึ้น

ทางด้านลูฟี่แอบรู้สึกผิดหวังที่เด็กคนยักษ์ไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองหวัง เพราะอย่าลืมว่าสิ่งที่พวกลูฟี่ได้ยินมาเกี่ยวกับเหล่าคนยักษ์ คือพวกที่โหดดิบกระหายสงคราม เด็ก ๆ พวกนี้ก็น่าจะเป็นแบบนั้น แต่อูซปบอกว่าไม่แปลกหรอกที่มันเป็นแบบนี้เพราะ เอลบัพ เปลี่ยนไปมากที่นี่สงบสุขไม่มีการทำสงคราม เด็กรุ่นใหม่เลยไม่โหดเหี้ยมแบบที่ลูฟี่คิด และในระหว่างที่ลูฟี่กำลังพูดกับอูซปอยู่ จู่ ๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งมาทำร้ายลูฟี่ เขาคือ โคลอน เด็กยักษ์ที่เคยคุยกับ แชงค์ส เมื่อในอดีตจนดาบไม้หัก ทางลูฟี่จึงต่อยเด็กยักษ์แบบสั่งสอนด้วยร่างเกียร์ 3 แต่โคลอนก็สามารถกระโดดหลบการโจมตีของลูฟี่ไปได้ ทางอูซปที่เห็นก็โวยวายใส่ลูฟี่ว่าทำแบบนั้นไปทำไม ลูฟี่บอกด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมว่าไม่ได้ตั้งใจต่อยให้โดยหรอก

เมื่อเด็ก ๆ เห็นลูฟี่ในร่างเกียร์ 3 ทุกคนต่างก็ไม่ชอบที่ลูฟี่ใช้ความรุนแรงแบบนี้ แต่โคลอนกลับชื่นชอบลูฟี่มาก ๆ ยิ่งลูฟี่ชมโคลอนว่านายสมเป็นคนของเผ่าคนยักษ์มาก ๆ นั่นยิ่งทำให้โคลอนชอบในตัวลูฟี่มากขึ้น และชมลูฟี่ว่าเขาก็เหมาะสมกับการเป็น 4 จักรพรรดิเหมือนกัน แต่พวกเด็ก ๆ กลับไม่ชอบโคลอนเพราะโคลอนชอบใช้ความรุนแรง ขณะที่ทาง ริปลีย์ ที่ได้เห็นก็ดุโคลอนว่าไปทำแขกแบบนี้ไม่เหมาะสม แต่ก็ชมโคลอนว่าเขาโจมตีได้ดีและสมเป็นคนยักษ์มาก ๆ ก่อนที่ทางริปลีย์จะบอกว่าเธอคือแม่ของโคลอน โดยพ่อของโคลอนนั้นเป็นมนุษย์ แถมเป็นอดีตโจรสลัดที่แข็งแกร่งเทียบเท่านักรบแห่งเอลบัพเลยทีเดียว ริปลีย์ยังบอกต่อว่าเธอกับสามีไม่ได้แต่งงานกัน แต่ทางริปลีย์ก็ไม่คิดจะมีใครเพราะรักพ่อของโคลอนคนเดียว

ตัดมาที่พวกโรบินในห้องสมุดโดยทางลูฟี่ได้บอกกับทุกคนในนั้นว่า พวกเขาจะไปงานเลี้ยงเพราะตัวเองเริ่มหิวแล้ว ส่วนทาง แฟรงกี้ ก็ถามทุกคนว่าที่เกาะแห่งนี้มีต้นไม้แห่งอดัมอยู่นี่นา เซาโลเลยอธิบายว่าต้นอดัมมันเกิดขึ้นอยู่หลายที่บนโลกใบนี้ แต่ต้นอดัมในเอลบัพคือต้นที่เก่าแก่ที่สุดเท่านั้น ตัดมาที่เกิร์ดซึ่งอยู่กับพวก จินเบ บรู๊ค โรบิน แฟรงกี้ ให้สวมชุดไวกิ้งจะได้เข้าธีมกับคนอื่น ๆ ก่อนจะตัดมาที่งานเลี้ยงซึ่งตอนนี้กำลังเลี้ยงฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยมีการใช้จอกชนกันเพื่อเป็นการฉลองแห่งมิตรภาพระหว่างมนุษย์กับคนยักษ์

ตัดมาที่ตัวปราสาทจากตอนที่แล้วที่มีบุคคลปริศนา 2 คนที่วาร์ปมาในปราสาทของเกาะเอลบัพ ที่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่เราไม่รู้ว่าคือใคร ส่วนอีกคนดูแล้วเหมือนแชงค์สมาก ๆ เมื่อทั้งคู่มาถึงก็เจอกับยามคนยักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ ยามคนยักษ์ถามว่าทั้งคู่คือใครเป็นพวกเดียวกับโจรสลัดลูฟี่รึเปล่า ทางผู้หญิงปริศนาก็บอกว่าต้องการเจอเพื่อนเก่าที่ชื่อ โลกิ ทางยามก็โมโหบอกว่าโลกิคืออาชญากร คือความเลวร้ายที่ทำลายชื่อเสียงของเอลบัพ แต่หญิงสาวก็ยังยืนยันว่าจะไปหาโลกิ ทางยามคนยักษ์จึงห้ามทั้งคู่ด้วยความโมโห พอยามคนยักษ์ตะคอกจบ หญิงสาวก็โยนบางสิ่งใส่ยามคนยักษ์จนล้มลงดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด ฏกยที่เพื่อนอีกคนยืนดูด้วยความตกใจ โดยหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า พวกเจ้าอยู่สูงเกินไปแล้วไอ้พวกคนยักษ์โง่ ข้าแค่ต้องการไปเจอโลกิเท่านั้น

ตัดมาที่งานเลี้ยงก็มีคนยักษ์นามว่า สแตนเซ่น เดินมาแนะนำตัวกับลูฟี่ โดยเนื้อหาบอกว่าสแตนเซ่นนั้นคือคนยักษ์ที่อยู่ในโรงประมูลที่ชาร์บอนี่ในตอนนั้น โดยทางสแตนเซ่นก็บอกว่านี่คงเป็นโชคชะตาที่กำหนดให้เราต้องมาเจอกันอีกครั้ง และคราวนี้ทั้งคู่ก็ได้มาเป็นพวกเดียวกันทั้งที่นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งทางสแตนเซ่นยังเรียกลูฟี่ว่าหัวหน้าหมวกฟาง และตอนนั้นเองก็มีผู้เฒ่าคนยักษ์อีกคนเดินเข้ามาในงาน โดยจุดสังเกตุของลุงแกคือมีดาบยาว ๆ ปักอยู่ที่หมวก ซึ่งลุงแกคืออดีตนักรบคนยักษ์ แต่สิ่งที่ลูฟี่สนใจจริง ๆ คือหัวของลุงคนยักษ์คนนี้ที่มีดาบปักอยู่แถมทะลุหัวลุงแกด้วย ลุงแกก็บอกว่าต้องขอบคุณหมวกที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ก่อนจะหัวเราะออกมา โดยที่ลูฟี่ก็งงว่าลุงแกพูดถึงอะไรก่อนจะจบตอนลงตรงนี้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสปอยล์ One Piece ตอนที่ 1135 ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้ายังคงเป็นการพาเที่ยวชมเมืองคนยักษ์ และแนะนำตัวละครใหม่ที่ปรากฏตัวออกมา ในตอนต่อไปจะเป็นการเฉลยเนื้อหาว่าบุคคลปริศนาที่ปรากฏตัวมานั้นคือใคร โดยเรารู้แล้วว่าทั้งคู่ต้องการมาหาเจ้าชายโลกิ แต่จะมาหาทำไมแล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรรอติดตามกันได้เลย ส่วนใครที่อ่านตรงนี้จบก็ไปอ่านต่อแบบแปลไทยได้ที่เว็บไซต์ MANGA Plus ต่อได้เลย (อ่านตรงนี้ก่อนกันโดนสปอยล์) และถ้า One Piece ตอนที่ 1136 มาเมื่อไหร่เราจะรีบเอามาให้คุณได้อ่านทันทีติดตามเอาไว้ได้เลย