
มาแบบ 2 อาทิตย์ติด ๆ กันเลยทีเดียวกับมังงะ One Piece ตอนที่ 1137 ที่ถ้าใครติดตามเรื่องราวของ One Piece ตั้งแต่ที่พวก ลูฟี่ มาที่เกาะคนยักษ์เอลบาฟ เรื่องราวส่วนมากก็เป็นการพาเที่ยวเกาะคนยักษ์และบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับที่นี่ให้เรารับรู้ และในตอนท้ายของ One Piece ตอนที่ 1136 ก็มีบุคคลปริศนา 2 คนที่แอบมายังเกาะคนยักษ์ และได้ไปหาเจ้าชายโลกิเพื่อขอความร่วมมือ ขณะที่พวกลูฟี่ก็กำลังจะหาทางช่วยเจ้าชายโลกิออกมา เพื่อจะได้รู้ที่อยู่ของ แชงค์ส เรื่องราวของ One Piece ตอนที่ 1137 จะเป็นอย่างไรเรามาดูไปพร้อมกันเลย

เริ่มต้นเรื่องราวจะต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่พวก ลูฟี่ มาถึงปราสาทออรัสท์ที่อยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้าน โร้ด เล่าให้ฟังว่าปราสาทแห่งนี้ไม่มีคนใช้ตั้งแต่กษัตริย์ฮาราลเสียชีวิต และเมื่อทุกคนมาถึงปราสาท โซโล ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมประตูปราสาทถึงเสียหายและก็ไม่มีทหารยาม แถมร่องรอยความเสียหายของประตูก็พังมาจากด้านใน โร้ดเลยบอกทุกคนว่านี่คือร่องรอยของการต่อสู้อย่างดุเดือด ที่เกิดขึ้นในปราสาทเมื่อตอนที่เจ้าชายโลกิสังหารกษัตริย์ฮารัลด์ ทางด้านโซโลที่เห็นแบบนี้ก็ถึงกับพูดขึ้นมาเลยว่า คนที่ทำอะไรแบบนี้ได้ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแน่ ๆ โร้ดก็บอกว่ากษัตริย์ฮารัลด์เป็นที่รู้จักกันในนามกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ แต่โลกิมันคือปีศาจร้าย โร้ดพูดจบทุกคนก็เห็นซากโครงกระดูกคนยักษ์ที่นอนตายตามพื้น เหมือนที่นี่ไม่เคยถูกเก็บกวาดเลยตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต

โร้ดยังบอกอีกว่าในการสังหารหมู่วันนั้นมีทหารยักษ์ตายไปกว่า 200 คน และมีเพียง ปู่ยาร์ล (ลุงคนยักษ์ที่มีดาบเสียบหัว) กับเจ้าชายโลกิเท่านั้นที่รอดชีวิต ระหว่างเดินสำรวจลูฟี่ก็เห็นกะโหลกศีรษะของซากศพยักษ์บางคนมีเขาคล้ายกับ ออส โร้ดบอกว่ายักษ์บางตนก็สืบสายเลือดบางส่วนมาจากชนเผ่ายักษ์โบราณในอดีต แต่ในตอนนี้ยักษ์ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของชนเผ่ายักษ์โบราณแทบไม่เหลืออยู่แล้ว และระหว่างทางเราก็จะเห็นภาพของกษัตริย์ฮารัลด์แขวนอยู่บนผนัง โดยภาพของกษัตริย์ฮารัลด์จะเป็นคนยักษ์หัวโล้นหน้าตาดุดันไม่เกรงใจใคร กับหนวดเคราเฟิ้มสีดำมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่สองแห่งบนศีรษะ และรอยสักเส้นบนใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเป็นนักรบคนยักษ์

โร้ดบอกกับพวกลูฟี่ว่า เห็นแบบนี้กษัตริย์ฮารัลด์เป็นชายที่รักสงบ และพยายามนำเอลบัฟเข้ากับชาติอื่น ๆ ในโลก โร้ดพูดด้วยน้ำเสียงปิติว่า "ท่านเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เอลบัฟเคยมีมา" ทางด้านลูฟี่ที่เห็นรูปของกษัตริย์ฮารัลด์ก็ถึงกับพูดขึ้นมาว่า ชายคนนี้แข็งแกร่งจริง ๆ โร้ดยังอธิบายต่อว่ารอยแผลบนหัวของกษัตริย์ฮารัลด์ มาจากการดึงเขาของตนเองออก เพราะเขาบนหัวมันเหมือนเป็นสัญญาลักษณ์แห่งความรุนแรง โร้ดบอกต่อว่าความจริงแล้ว ฮัจรูดิน ก็เป็นพี่ชายต่างแม่ของเจ้าชายโลกิ โดยฮัจรูดินมีพ่อคือกษัตริย์ฮาราลด์ที่แต่งงานกับยักษ์ผู้หญิงตนหนึ่ง ก่อนที่จะแต่งงานกับแม่ของโลกิ (ทั้งคู่พ่อเดียวกันแต่คนละแม่) โดยแม่ของฮัจรูดินไม่สามารถเป็นราชินีแห่งเอลบัฟได้ เพราะเธอเป็นยักษ์จากอีกประเทศหนึ่ง เธอเลยถูกกีดกันจากชาวเอลบัฟที่ต้องการรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ กษัตริย์ฮาราลด์จึงจำใจต้องแต่งงานอีกครั้งกับแม่ของโลกิ
ทางโซโลที่ยืนฟังมาตลอดก็ถามว่า ทำไมโร้ดถึงเลือกอยู่บนเรือของคนที่มีสายเลือดครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบฮัจรูดิน ภาพก็ตัดไปที่อดีตสมัยที่โร้ดยังเป็นเด็กยักษ์ธรรมดา ในตอนที่โร้ดถูกกลั่นแกล้งเพราะเขาเป็นพวกบ้าหนังสือสะสมของเล่น แต่ฮัจรูดินกลับประทับใจในทักษะการวาดแผนที่ของโร้ดเลยขอเป็นเพื่อนกับเขา โร้ดบอกต่อว่าฮัจรูดินต้องทนต่อคำดูถูกหยียดหยามที่เขาเป็นลูกครึ่ง และไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ของเอลบัฟ แต่ฮัจรูดินก็มีความฝันที่จะเป็นราชาแห่งยักษ์ทั้งหมด เพื่อรวมชนเผ่ายักษ์ทั้งหมดในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน พอพูดจบลูฟี่สังเกตเห็นว่ามีผู้คุมบางคนล้มอยู่บนพื้น

ตัดไปที่ยมโลกที่ตอนนี้ใบหน้าของโลกิเต็มไปด้วยเลือด เพราะถูก กุนโกะ สาวปริศนาอัดเขาด้วยพลังของเธอ กุนโกะขยายรองเท้าบูทของเธอด้วยลูกศรเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น เพื่อจะได้โจมตีใบหน้าของเจ้าชายโลกิได้ถนัด ๆ และไม่ว่าจะทำร้ายเขาขนาดไหน เจ้าชายโลกิก็ไม่ตอบตกลงร่วมมือด้วย เจ้าชายโลกิยิ้มและพูดขึ้นมาว่าเพราะข้าขยับตัวไม่ได้หรอกนะ พวกแกเลยอัดเขาได้แบบนี้ แต่ชายสวมเสื้อคลุมที่หน้าเหมือนแชงค์สก็บอกว่า ต่อให้แกไม่ถูกมัดผลก็ออกมาแบบนี้เหมือนเดิมอยู่ดี กุนโกะที่รู้สึกหงุดหงิดก็พูดขึ้นมาว่า "สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างแกได้เกียรติยศสูงส่งเช่นนี้ ที่ชาตินี้พวกแกไม่มีวันเอื้อมถึง พวกเรากำลังยื่นข้อเสนอให้แกถึงที่แต่กลับไม่สนใจ"
กุนโกะสร้างลูกศรออกมาจากเท้าของเธอ ลูกศรเหล่านั้นทำเครื่องหมายเส้นทางไปยังโลกิ ทางด้านของกุนโกะอธิบายพลังของตัวเองว่า ลูกศรที่เธอสร้างออกมาคือเครื่องหมายที่ลีกเลี่ยงไม่ได้ มันจะวิ่งตามเป้าหมายไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด กุนโกะถามโลกิอีกครั้งว่าจะยอมเข้าร่วมหรือไม่ ทางเจ้าชายโลกิก็ยิ้มและบอกสั้น ๆ คำเดียวว่า ไม่ กุนโกะเลยใช้พลังลูกศรโจมตีใส่เข้าชายโลกิอย่างจัง จนเจ้าชายโลกิที่แข็งแกร่งถึงกับสลบไปทันที ขณะที่รอบ ๆ ตัวเจ้าชายโลกิก็มีร่างของเหล่าสัตว์ร้ายที่เป็นลูกน้องของเจ้าชายถูกกำจัดอยู่รอบ ๆ

ท่ามกลางฝุ่นที่ตลบชายสวมเสื้อคลุมที่หน้าเหมือนแชงค์สก็เปิดเผยตัวตนออกมา พร้อมกับชื่อที่เราทราบแล้วว่าเขาชื่อ แชมร็อก หรือชื่อเต็ม ๆ คือ ฟิการ์แลนด์ แชมร็อก ลูกของ เซนต์การ์ลิง หนึ่งในห้าผู้เฒ่า แชมร็อกบอกกับกุนโกะว่า "เปลี่ยนแผน มีการติดต่อมาจากแมรี่จัวส์ ทำแบบนี้มันไม่มีประโยชน์เลย ฉันหวังว่าทางนั้นคงมีทางเลือกที่ดีกว่านี้" ทางกุนโกะที่ได้ยินแบบนี้ก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า "ต่อให้ฆ่าหมอนั่นตายไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี ชายคนนี้คงมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นสูงมาก ๆ"
และในตอนนี้เราก็รู้แล้วว่ากุนโกะนั้นเป็นผู้ใช้ผลปีศาจลูกศร ส่วนตัวของ ฟิการ์แลนด์ แชมร็อก นั้นจะมีหน้าตาคล้ายกับแชงค์สมาก ๆ แต่ไม่มีรอยแผลบนใบหน้าและมี 2 แขน (ก็ไม่ใช่แชงค์สนี่นา) เขามีผมยาวมัดไว้ข้างหลัง การแต่งกายของแชมร็อกจะสวมเครื่องแบบคล้ายกับทหารของอังกฤษหรือฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 และพกดาบที่เอว แชมร็อกมองไปที่โลกิที่หมดสติด้วยสายตาเหยียดหยามและพูดขึ้นมาว่า "นักรบผู้ดุร้ายแห่งเอลบัฟที่เคยยึดครองในสมัยโบราณ พวกเรารัฐบาลโลกจะพาเขามาอยู่ใต้การควบคุมของเราให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม" จบตอน

ก็จบกันไปแล้วกับสปอยล์ One Piece ตอนที่ 1137 จะพูดว่ามีความคืยหน้าก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก แต่อย่างน้อยเราก็พอจะทราบแล้วว่าบุคคลปริศนาสองคนนี้คือใคร แต่ก็มีปริศนาใหม่เพิ่มเข้ามาอีกว่า ทำไม ฟิการ์แลนด์ แชมร็อก คนนี้ถึงหน้าตาคล้ายแชงค์สมาก ๆ จนหลายคนเดาว่าไม่แน่ทั้ง แชงค์ส และ แชมร็อก อาจจะเป็นลูกชายของเซนต์การ์ลิงหนึ่งในห้าผู้เฒ่าก็เป็นได้ คงต้องมารอดูรอลุ้นกันต่อไป ซึ่งถ้า One Piece ตอนที่ 1138 มาเมื่อไหร่เราจะรีบเอามาให้คุณได้อ่านทันทีติดตามเอาไว้ได้เลย แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้า