
วันเวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ รู้กตัวอีกทีเราก็ได้เล่นเกม DRAGON QUEST III HD-2D Remake มาเกือบจะ 3 เดือนแล้ว ซึ่งหลายคนทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่ต่างก็คงจะสนุกกับตัวเกมรูปแบบเดิมที่เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงกราฟิกและหลายอย่าง ๆ อย่างเพื่อเอาใจคนเล่นเกมยุคนี้ โดยที่ยังคงใช้กลิ่นอายเดิม ๆ เหมือนเมื่อ 36 ปีที่แล้วเอาไว้อย่างครบถ้วนไม่มีขาดตก จนหลายคนรอคอย DRAGON QUEST I-ll HD-2D Remake ไม่ไหวเลยทีเดียว แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1988 หรือเมื่อ 37 ปีที่แล้ว คือวันวางจำหน่ายเกม Dragon Quest III เรามาย้อนอดีตดูกันว่าเกมภาคนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย
สำหรับคนที่ไม่รู้จักหรือเกิดไม่ทันไปจนถึงคนที่เพิ่งเคยเล่น DRAGON QUEST III HD-2D Remake ครั้งแรก ตัวเกม Dragon Quest III กำเนิดมาจากคุณ ยูจิ โฮริอิ สมัยวัยรุ่นที่ชื่นชอบการเล่นเกมมาก ๆ โดยเกมที่เขาชอบที่สุดคือเกมแนว RPG อย่าง Wizardry ที่ในสมัยนั้นตัวเกมนี้ต้องเล่นบน PC เท่านั้น แถมการเล่นการควบคุมหรือการออกคำสั่งมันค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ขนาดที่ต้องอ่านคู่มือไปเล่นไปกันเลยทีเดียว ทางคุณโฮริอิเลยอยากสร้างเกมภาษาของตัวเองขึ้นมาบ้าง โดยลดความซับซ้อนพวกนั้นลงให้คนเข้าถึงได้โดยเฉพาะเด็ก ๆ เกม Dragon Quest ภาคแรกจึงถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งถ้าใครเคยเล่น Dragon Quest ทั้ง 2 ภาคแรกแบบต้นฉบับมา คุณจะได้เห็นหลายสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และตัดความซับซ่อนทุกอย่างออกไป จนมาถึง Dragon Quest lll ที่เอาจุดเด่นจุดด้อยของ 2 ภาคก่อนหน้านี้มาพัฒนาเปลี่ยนแปลงแก้ไขจนตัวเกมภาคนี้เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ จนภาคหลัง ๆ ก็ยังอ้างอิงระบบและหลาย ๆ อย่างมาจากภาคนี้
และถ้าใครจำได้ใน Dragon Quest ภาคแรกเราจะได้ควบคุมผู้กล้าเพียงคนเดียวจนจบเกม พอมาในภาค 2 เราจะได้เล่นเป็น 3 ตัวละครที่ออกเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ พอมาในภาค 3 ตัวเกมก็ตัดระบบเล่นคนเดียวตอนเริ่มเกมออกไป แต่เราสามารถหาเพื่อนร่วมทีมได้ตั้งแต่เริ่มเกม โดยสามารถจัดทีมได้ตามที่เราต้องการผ่านอาชีพต่าง ๆ มันจึงทำให้การเล่นในแต่ละรอบของเราเปลี่ยนไปตามเพื่อนร่วมทีม ซึ่งมันคือจุดเด่นจุดขายของเกมภาคนี้ นอกจากนี้เนื้อเรื่องก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนเล่นเกมนี้ชอบ เพราะในช่วงท้ายของเกมจะเฉลยว่า Dragon Quest lll นั้นคือเนื้อเรื่องก่อน Dragon Quest ทั้ง 2 ภาคก่อนหน้านี้ นั่นเลยทำให้หลายคนประทับใจมากขึ้นไปอีก
และนอกจากระบบการเล่นเนื้อเรื่องที่โดนใจชาวญี่ปุ่นแล้ว ตัวเกม Dragon Quest III ยังมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถูกพูดถึงอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ทำได้มากกว่าหนึ่งล้านชุดในวันแรกที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น และกระโดดมาเป็น 3 ล้านตลับภายในหนึ่งสัปดาห์ (ปัจจุบันทาง Square Enix ออกมาบอกว่าเกม Dragon Quest III บนเครื่อง Famicom ขายไปได้ 3.8 ล้านชุด) โดยในวันที่เกม Dragon Quest III วางจำหน่ายมีเด็ก ๆ ถูกสารวัตรนักเรียนครูอาจารย์จับเกือบ 300 รายในข้อหาหนีเรียนเพื่อมาซื้อเกม Dragon Quest III หลังจากนั้นทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ขอความร่วมมือไปยัง Enix ให้วางขายภาคต่อไปของเกมนี้ในวันหยุด ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา ความจริงแล้วทาง Enix เองต่างหากที่เปลี่ยนวันวางขาย Dragon Quest lV ในวันหยุดเองเพราะเห็นความวุ่นวายดังกล่าวในสมัย Dragon Quest III
ในส่วนของคำวิจารณ์และรางวัลต่าง ๆ ทางนิตยสาร Famicom Tsushin (Famitsu) ได้ให้คะแนน Dragon Quest III สูงถึง 38 จาก 40 ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดตลอดกาลของนิตยสารในตอนนั้นเลยทีเดียว แถมยังได้รางวัล Famitsu Best Hit Game Awardsปี 1988 และ Dragon Quest III ได้รับรางวัลเกมแห่งปี เกม RPG ยอดเยี่ยม และการออกแบบตัวละครยอดเยี่ยมในปี 1989 และยังได้รางวัลเกมที่ดีที่สุดที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1983 จากการสำรวจที่จัดทำโดยนิตยสาร Famitsu ในช่วงต้นปี 2006 จากผู้อ่านได้จัดให้ Dragon Quest III เป็นเกมที่ชื่นชอบมากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับสาม รองจาก Final Fantasy X และ Final Fantasy VII อีกด้วย

มาถึงตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากเพราะเกม Dragon Quest III มันดีในตัวมันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นตัวเกมคงไม่ถูกเอามาขายซ้ำ ๆ หลายต่อหลายครั้งอย่างแน่นอน และถ้าใครสนใจอยากเล่นเกมนี้แบบจัดเต็มก็ไปเล่น DRAGON QUEST III HD-2D Remake เลยจะดีกว่า ไม่ต้องไปหาฉบับเก่ามาเล่นให้เสียเวลา ส่วนสายสะสมตัวตลับ Dragon Quest III ก็มีขายทั่วไปทั้งแบบกล่องสวยกล่องเยินไม่มีกล่องมากมายให้เลือกซื้อ (ก็ขายออกไปได้ตั้ง 3.8 ล้านตลับจะหาซื้อได้ง่าย ๆ ก็ไม่แปลก) ลองหามาเล่นดูคุณอาจจะเป็นแฟนเกมนี้ไปเลยก็ได้ใครจะรู้