 - สำเนา-250227-153420.png?versionId=cdPWcqu9xNHhYjiXJDkl0C_8_XYeeQhA)
เดินทางมาถึง One Piece ตอนที่ 1141 กันเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่รอคอยกันมานาน 1 อาทิตย์ โดยเรื่องราวในตอนที่แล้วถ้าใครยังจำได้ มันคือเรื่องราวของพวก ลูฟี่ ที่ต้องการค้นหากุญแจเพื่อไปปลดปล่อย เจ้าชายโลกิ เพราะพี่แกสัญญาว่าถ้าปล่อยเขาออกไปจะบอกเรื่องราวของ แชงค์ส ให้ลูฟี่รู้ โดยทางลูฟี่จะได้เจอกับ ลุงกาบัน อดีตลูกเรือของโจรสลัดโรเจอร์ ผู้มีฉายาว่าผู้กลือกินภูเขา ที่มาท้าต่อสู้เพื่อทดสอบว่าลูฟี่นั้นเหมาะสำหรับการฝากอนาคตไว้รึเปล่า ซึ่งการทดสอบนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี ลุงกาบันยอมแพ้และให้ลูฟี่ได้กุญแจไป ขณะที่ฝั่ง กุนโกะ กับ แชมร๊อค ก็ได้เปิดประตูพาภาคีอัศวินเทพสองคนนามว่า เซนต์ ซอมเมอร์ส กับ เซนต์ กิลลิงแฮม มาที่นี่ โดยมีเป้าหมายคือเหล่าเด็กคนยักษ์ไปทำอะไรบางอย่าง นั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ของตอนที่แล้ว คราวนี้มาดู One Piece ตอนที่ 1141 กันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

เริ่มต้นตอนมาจะเป็นจะเป็น นามิ กับ โร้ด ที่กำลังพาทหารยามคนยักษ์ที่เฝ้าปราสาทกลับไปที่หมู่บ้าน นามิที่อยู่บนไหล่ของโร้ดก็บ่นอิดออดไม่หยุด เรื่องที่เธอมาถึงปราสาททั้งทีแต่ไม่เห็นมีสมบัติเลย ทางโร้ดก็พยายามปลอบใจนามิโดยที่เขาก็พยายามห้ามนามิไม่ให้พูดเสียงดังไป เดี๋ยวทหารยามจะรู้ว่าพวกตนมาแอบมาเอากุญแจ ภาพตัดไปที่ ริปลีย์ กับ แฟรงกี้ ที่ยังคงเที่ยวสำรวจต้นไม้อดัม ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใจกลางเอลบัฟ แฟรงกี้พูดด้วยความรู้ตื่นเต้นว่า บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่น่าทึ่งอีกมากมายกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก ริปลีย์บอกว่าพวกเหล่าคนยักษ์อาศัยอยู่บนกิ่งไม้แต่ละก้านของต้นไม้นี้ ที่นี่จึงมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในตอนนั้นเองแฟรงกี้ก็หันไปเห็นกิ่งไม้กิ่งนึงที่ถูกตัด เขาจึงตะโกนถามริปลีย์ว่ามันคืออะไร (ต้องตะโกนเพราะกลัวริปลีย์จะไม่ได้ยิน) ริปลีย์บอกว่าครั้งนึงที่ตรงนั้นเคยมีกิ่งไม้ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ แต่จู่ ๆ กิ่งไม้นั้นก็โดนฟ้าฝ่าลงมาทำให้เกิดไฟลุกท่วมจนมันจะลามไปยังต้น เหล่าคนยักษเลยต้องตัดกิ่งไม้นั้้นทิ้งเพราะเมื่อต้นไม้อดัมติดไฟมันจะดับไม่ได้จนกว่าต้นไม้จะไหม้จนหมด ริปลีย์พูดต่อว่า "คงจะมีแค่ไฟกับสายฟ้าที่อาจเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเอลบัฟก็ว่าได้"

ตัดมาที่หมู่บ้านทางตะวันตกนามิที่แยกกับโร้ดก็เดินทางมาถึงงานเลี้ยง ก็เห็น อุซป กำลังเมาได้ที่ ในตอนนั้นเอง ปู่ยาร์ล (คนยักษ์ที่มีดาบปักหัว) ได้เดินมาแซวนามิว่าเป็นตนหนเรือคนสวย ทางอุซปที่เมาก็พูดขึ้นมาว่าปู่ยาร์ลนั้นกำลังพูดลวนลามนามิแต่ตัวนามิไม่ได้สนใจ ขณะที่ปู่ยาร์ลบอกว่าเขาพูดชื่นชมไม่ได้คิดหื่นอะไร พออุซปถามว่าสเปกปู่เป็นอย่างไร ปู่ยาร์ลเลยบอกว่าแกชอบคนที่มีอายุเยอะกว่า ทางอุซปก็บ่นออกมาดัง ๆ และตบหัวว่าปู่ยาร์ลแล้วพูดว่า "ปู่เป็นคนยักษ์ที่มีอายุเยอะที่สุดบนเกาะแล้วไม่ใช่หรอ จะมีใครแก่กว่าปู่ได้อีก !!" นามินั่งลงข้าง จินเบ แล้วอมยิ้มให้กับอุซปที่กำลังเมา พร้อมกับพูดกับจินเบว่า "การมาเอลบัฟเป็นความฝันของลูฟี่กับอุซป พอเห็นทั้งสองคนได้ทำตามความฝันแล้วรู้สึกดีจริง ๆ" ทางด้าน ซันจิ ที่อยู่ในงานเลี้ยงก็พูดขึ้นมาว่าเขาไม่เห็น เกิร์ด อยู่แถวนี้จึงเริ่มตามหาเธอ ตัดไปที่โร้ดที่กำลังอยู่กับเกิร์ดที่กำลังรักษาทหารยามคนยักษ์ที่บาดเจ็บ เกิร์ดถามโร้ดว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมทหารยามสองคนนี้ถึงบาดเจ็บ โร้ดพยายามปิดบังไม่บอกความจริง แต่เกิร์ดก็ซัดโร้ดจนหมอบเพื่อให้บอกความจริง

ตัดมาที่ยมโลกตอนนี้ลูฟี่กับโซโรได้เอากุญแจมาหาเจ้าชายโลกิ แต่พอมาถึงทั้งคู่ก็ได้เห็นเจ้าชายโลกิหมดสภาพใกล้ตาย พอลูฟี่เห็นแบบนั้นเขาก็พยายามจะปลดโซ่ออกเพื่อช่วยเจ้าชายโลกิ แต่โซ่นั้นทำมาจากหินไคโรเซกิ ที่มันมีผลกับผู้ใช้ผลปีศาจมันเลยทำให้ลูฟี่อ่อนแรงตอนเข้าไปใกล้โซ่นั่น ทางด้านโซโรที่เห็นสภาพของโลกิเขาก็เริ่มเปลี่ยนใจในการช่วย (นี่เป็นครั้งแรกที่โซโลเห็นเจ้าชายโลกิ) และเริ่มเถียงกับลูฟี่เรื่องช่วยชายคนนี้ ทางโซโรไม่อยากปล่อยเจ้าชายโลกิตอนนี้ เพราะดูจากสภาพอาการบาดเจ็บแบบนี้ แปลว่าพี่แกคงจะมีศัตรูอยู่เยอะ พอถูกจองจำเลยมีคนมาคิดบัญชีแต่พี่แกดันหนังเหนียวรอดมาได้ คนแบบนี้น่าจะเป็นคนยังไงกัน แต่ทางลูฟี่ไม่เห็นด้วยเพราะตอนนี้เจ้าชายโลกบาดเจ็บสาหัสเราควรรีบช่วย ทางโซโรจึงเตะเข้าไปที่แผลของเจ้าชายโลกินั่นทำให้พี่แกร้องลั่น โซโรบอกอย่างน้อยบาดแผลพวกนี้ก็ของจริง

หลังจากการถกเถียงกันไปมาทางโซโรก็ตกลงปล่อยเจ้าชายโลกิ แต่ก็ยังเหลือโซ่ล้อคไว้ที่ขาข้างนึง ลูฟี่บอกว่าควรจะพาไปหาช๊อปเปอร์ แต่หอสมุดนกฮูกนั้นอยู่ไกลเกินไป เพราะแบบนั้นควรเรียกหมอของหมู่บ้านยักษ์มาแทน โซโรบอกว่าถ้าพวกยักษ์รู้ว่าพวกเราปลดปล่อยเจ้าชายโลกิออกมา อาจโดนขับไล่ออกจากเอลบัฟ แต่ลูฟี่บอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ และพูดต่อว่าถ้าเจ้าชายโลกิได้กินเนื้อสักชิ้นอาการป่วยอาจจะดีขึ้น (นั่นมันเอ็งคนเดียว) โซโรจึงบอกว่าแถวนี้ก็มีสัตว์ล้มตายอยู่ เขาเลยเสนอให้เอาสัตว์แถวนั้นมากิน แต่ลูฟี่ไม่เห็นด้วยเพราะสัตว์พวกนั้นคือเพื่อนของเจ้าชายโลกิ เราไม่ควรกินเพื่อนของเพื่อนตัวเองแต่โซโลไม่เห็นด้วย พอเถียงไปเถียงมาทางลูฟี่จึงบอกว่าเขาจะไปหาสัตว์แถวนี้มาให้เจ้าชายโลกิกินเอง

ขณะที่ลูฟี่กำลังจะเดินทางไปยังหมู่บ้าน ก็ได้ยินเสียงของคนที่ตกลงมาจากฟ้า ซึ่งก็คือพวก ฮัจรูดิน พร้อมกับซันจิกำลังหล่นลงมา โดยการหล่นลงมาจากเรือครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ เพราะทางฮัจรูดินเมื่อได้รู้ทุกอย่างจากโร้ด พวกเขาก็รีบลงมาหยุดลูฟี่กับโซโร แต่เพราะรีบร้อนเกินไปเลยนั่งเรือมาลำเดียวจนมันมีน้ำหนักเยอะเกิน เลยทำให้เรือล่มจนทุกคนล่วงลงมาอย่างที่เห็น ลูฟี่ที่เห็นเพื่อน ๆ หล่นลงมาเขาก็รีบเข้าไปช่วยด้วยการใช้ท่าลูกโป่งยางยืด ที่เป็นเหมือนถุงลมรับแรงกระแทกจนทุกคนปลอดภัย แต่เพราะแรงกระแทกกับลูกโป่งยางยืด เลยทำให้ทุกคนที่ร่วงลงมากระเด้งกลับอีกทาง โดยตัวของเกิร์ดกับซันจิกระเด็นหายไปอีกทางในป่า เหลือแค่ฮัจรูดินกับลูกน้องที่อยู่แถวนั้น ฮัจรูดินกับลูกเรือที่รอดชีวิตก็ขอบคุณลูฟี่ เพราะการร่วงลงมาแบบนั้นต่อให้เป็นคนยักษ์ก็ไม่รอด พอทุกคนปลอดภัยลูฟี่ก็บอกกับฮัจรูดินว่าเขาจะปล่อยตัวเจ้าชายโลกิ แต่ฮัจรูดินห้ามเอาไว้และบอกว่า "ได้โปรดเถอะหมวกฟาง ช่วยคิดให้ดีเรื่องการปล่อยโลกิ เราไม่ควรไว้ใจมันเด็ดขาด มันหลอกลวงและชั่วร้าย มันเป็นปีศาจร้ายโดยกำเนิดพวกเรารู้จักมันดี เวลาที่มันพูดจาดูดีแปลว่ามันกำลังวางแผนชั่ว ๆ อยู่ เจ้านี่มันคือศัตรูของโลกใบนี้"

โซโรที่ยืนฟังอยู่ก็บอกกับทุกคนว่า "ไม่ทันแล้วละ" เพราะในตอนนี้เจ้าชายโลกิกำลังยืนขึ้นพร้อมกับสีหน้ารอยยิ้มกันเหี้ยมเกรียม ด้วยความยินดีและความโกรธที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า และเมื่อเจ้าชายโลกิยืนขึ้นมาเราก็ได้เห็นขนาดที่แท้จริงของเขา ว่ามีตัวที่ใหญ่กว่าคนยักษ์ทั่วไปพอสมควร และแม้จะบาดเจ็บแต่เจ้าชายโลกิก็ยังยืนได้แม้จะมีโซ่ติดที่ข้อเท้าก็ตาม ในตอนนั้นลูฟี่ที่เห็นก็ตกใจเพราะอาการบาดเจ็บขนาดนั้นไม่น่าจะยืนไหว ขณะที่ฮัจรูดินที่ตกใจเลยตะโกนออกมาว่า "หยุดเถอะโลกิ อยู่ให้ห่างจากรานีร์นั่นเดี๋ยวนี้" ก่อนที่เรื่องราวจะจบตอนลงตรงนี้ ใครที่อ่านสปอยล์ตรงนี้จบก็ไปรออ่านตัวเต็มแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ MANGA Plus ได้เลยเราแปะลิงค์ให้แล้ว และพบกันใหม่อาทิตย์หน้า