-250301-135608.png?versionId=Ad22lbTDNKBtd.2jWQKPU65Sxhu..BWa)
1 ปีผ่านไปไวเหมือนดั่งโกหกเพราะรู้สึกตัวอีกทีก็ครบรอบ 1 ปีการจากไปของอาจารย์ โทริยาม่า อากิระ ผู้ให้กำเนิดมังงะในตำนานอย่าง Dragon Ball ที่โด่งดังไปทั่วโลก ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังมีของเล่นของสะสมไปจนถึงมังงะอนิเมะภาคใหม่ ๆ อย่าง Dragon Ball Dima ให้เราได้ดู ซึ่งในวันที่ Dragon Ball Dima ฉายตอนจบนี้ก็ตรงกับวันที่อาจารย์โทริยาม่าเสียชีวิตพอดี ในวันที่ 1 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา แต่กว่าแฟน ๆ ทั่วโลกจะทราบเรื่องนี้ก็วันที่ 8 มีนาคม ที่งานศพของอาจารย์จัดเสร็จสิ้นไปแล้ว วันนี้เรามาย้อนรำลึกถึงตัวอาจารย์โทริยาม่ากันว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงช่วงสุดท้ายในชีวิตเกิดอะไรขึ้นกับแกบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

โทริยาม่า อากิระ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1955 ในเมืองคิโยสึ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เสียชีวิตวันที่ 1 มีนาคม 2024 สิริอายุ 68 ปี ตัวอาจารย์โทริยาม่ามีน้องสาวหนึ่งคน โดยตัวของอาจารย์แกเป็นคนชอบวาดรูปตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนแรงบันดาลใจที่อยากเป็นนักวาดการ์ตูนอาจารย์บอกว่า เขารู้สึกทึ่งมากหลังจากได้ชมอนิเมชั่น Astro Boy ของอาจารย์ เท็ตสึกะ โอซามุ ซึ่งเป็นที่มาของความสนใจในการมังงะของเขา อาจารย์โทริยามะเล่าว่าตอนที่เขาอยู่ชั้นประถม เพื่อนร่วมชั้นทุกคนวาดรูปเลียนแบบอะนิเมะและมังงะที่ชอบ ซึ่งเขาก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีความบันเทิงอื่น ๆ นอกจากการวาดรูปและออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน และตัวของอาจารย์ก็หมกมุ่นอยู่กับการวาดมังงะเป็นอย่างมาก จนมาถึงช่วงมัธยมต้นที่แกห่างหายจากการวาดรูป เพราะเขาสนใจภาพยนตร์และรายการทีวีมากกว่าการวาดรูป

จนกระทั่งเข้ามัธยมปลายแกก็เขาชมรมมังงะตามเพื่อน ๆ และได้วาดมังะเรื่องแรกออกมาในชื่อ No-Brainer ซึ่งอาจารย์ก็ยอมรับว่าตอนนั้นแกวาดเล่น ๆ แบบไม่จริงจัง แถมในตอนนั้นเขาก็เลิกอ่านมังงะไปแล้วด้วย และในระหว่างที่วาดมังงะเล่น ๆ กับเพื่อน พ่อแม่ของอาจารย์ก็ไม่พอใจที่เห็นอาจารย์แทนที่จะตั้งใจเรียนแต่กลับมาวาดรูปเล่น จนเมื่อเรียนจบมัธยมปลายอาจารย์โทริยามะก็ไม่ได้เรียนต่อ แต่เข้าทำงานที่บริษัทโฆษณาในนาโกย่า ในหน้าที่ออกแบบโปสเตอร์เป็นเวลาสามปี แม้ว่าโทริยามะจะบอกว่าเขาปรับตัวเข้ากับงานได้เร็ว แต่เขาก็ไม่ค่อยชอบงานที่ทำและมักจะถูกตำหนิเรื่องตื่นสายกับการแต่งตัวแบบสบาย ๆ มาทำงาน จนสุดท้ายอาจารย์แกก็ลาออกมา

หลังจากลาออกจากงานตอนอายุ 23 ปี ตอนนั้นอาจารย์แกอยู่เกาะต้องขอเงินแม่ใช้ โทริยามะเล่าว่ามันนั้นแกไปนั่งร้านกาแฟ เขาหยิบนิตยสารที่มีในร้านมาอ่าน ซึ่งก็คือนิตยสาร Weekly Shonen Magazine ของ Kodansha แต่ในนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจแกเลยหยิบนิตยสาร Weekly Shonen Jump ที่กำลังมีการประกวด Newcomer Award ของทุกเดือน ตอนนั้นอาจารย์แกก็เลยสนใจส่งผลงานเข้าประกวดในนิตยสาร Weekly Shonen Magazine ซึ่งได้คุณ โทริชิมะ คาซึฮิโกะ สนใจในฝีมือของแก แต่ผลงานของอาจารย์แกไม่มีสิทธิ์เข้าประกวดในงานนี้ เพราะมันเป็นการล้อเลียน Star Wars แทนที่จะเป็นผลงานต้นฉบับ คุณโทริชิมะที่เห็นแววเลยส่งโทรเลขไปหาอาจารย์โทริยาม่า เพื่อให้เขาวาดเรื่องใหม่จนได้ผลงาน Wonder Island ที่กลายเป็นผลงานตีพิมพ์ชิ้นแรกของอาจารย์โทริยาม่าที่ลงในนิตยสาร Weekly Shonen Jump ในปี 1978 และจบลงที่อันดับสุดท้ายในการสำรวจความคิดเห็นของผู้อ่าน (มังงะที่ไม่ได้รับความนิยมจะถูกตัดจบ)

ในตอนนั้นอาจารย์โทริยามะบอกว่าเขาวางแผนที่จะเลิกวาดการ์ตูน หลังจากได้รับเงินงวดสุดท้ายจากสำนักพิมพ์ เพราะแม้แต่มังงะ Wonder Island 2 ก็ล้มเหลวถูกตัดจบ แต่คุณโทริชิมะยังคงให้เขาวาดมังงะต่อไปอีกหนึ่งปีในเรื่อง Today's Highlight Island เขากล่าวว่าเขาได้เรียนรู้มากมายในตอนนั้น และยังสนุกไปกับมันด้วยจนไม่อยากเลิกเขียนมังงะ ต่อมาคุณโทริชิมะบอกให้อาจารย์วาดตัวละครนำเป็นผู้หญิงในเรื่อง Tomato the Cutesy Gumshoe ในปี 1979 ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เมื่ออาจารย์แกมีกำลังใจจะเขียนแนวตัวเอกเป็นผู้หญิง เขาจึงตัดสินใจวาดตัวละครนำเป็นหญิงอีกครั้ง จนเกิดเป็นมังงะเรื่อง Dr. Slump ขึ้นมา

มังงะ Dr. Slump ซึ่งตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร Weekly Shonen Jump ตั้งแต่ปี 1980 ถึง 1984 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมังงะ Dr. Slump ได้รับรางวัล Shogakukan Manga Award ในฐานะมังงะ แนว Shonen (มังงะเด็กผู้ชายกล้ามล่ำ ๆ) และ Shojo (มังงะเด็กผู้หญิงพวกการ์ตูนตาหวาน) ที่ดีที่สุดแห่งปี โดย Dr. Slump เป็นมังงะที่เด็กผู้ชายก็อ่านได้เด็กผู้หญิงก็อ่านดี และมีอนิเมะออกอากาศในปีเดียวกัน ตัวมังงะเรื่อง Dr. Slump มียอดขายมากกว่า 35 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และแม้ว่ามังงะ Dr. Slump จะได้รับความนิยม แต่อาจารย์แกก็ต้องการที่จะจบซีรีย์นี้ภายในเวลาประมาณหกเดือนหลังจากสร้างมันขึ้นมา แต่ก็ลากยาวจนถึง 4 ปี

พอจบ Dr. Slump ในตอนนั้นคุณโทริชิม่าแนะนำให้อาจารย์ที่ชอบภาพยนตร์กังฟู จึงให้เขาเขียนมังงะแนวกังฟูโชเน็นขึ้นมา จนเกิดเป็นมังงะ Dragon Boy ขึ้นมาในนิตยสาร Fresh Jump ฉบับเดือนสิงหาคมและตุลาคม 1983 โดยเป็นเรื่องราวของเด็กชายที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งพาเจ้าหญิงเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ตัวมังงะ Dragon Boy ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมังงะเรื่องนี้ก็เป็นต้นแบบให้ Dragon Ball ในปี 1984 ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร Weekly Shonen Jump ตั้งแต่ปี 1984 ถึงปี 1995 มียอดขาย 159.5 ล้านเล่มในญี่ปุ่นเพียงประเทศเดียว โดยในตอนนั้น Dragon Ball เป็นหนึ่งในมังงะที่ขายดีที่สุดตลอดกาลและรู้จักไปทั่วโลก

อาจารย์โทริยาม่าเสียชีวิตวันที่ 1 มีนาคม 2024 จากภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองเฉียบพลันในวัย 68 ปี งานศพจัดขึ้นอย่างเป็นส่วนตัว โดยมีเพียงครอบครัวของเขาเข้าร่วม และวันที่ 8 มีนาคมบริษัท Bird Studio ที่อาจารย์เป็นเจ้าของ ได้ประกาศการเสียชีวิตของเขาในหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ตามแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับโทริยามะบอกว่า เขาวางแผนที่จะเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมองในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ข่าวการเสียชีวิตของเขาทำให้ผู้ชื่นชมผลงานของเขาโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก บน Twitter (ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น X แล้ว) มีแต่หัวข้อที่เกี่ยวกับอาจารย์โทริยาม่าและ Dragon Ball แซงหน้าคำปราศรัย State of the Union ของ ประธานาธิบดี Joe Biden แห่งสหรัฐอเมริกาในตอนนั้นเลยทีเดียว นอกจากนี้แฟน ๆ และนักเขียนมากมายในตอนนั้นยังร่วมไว้อาลัยครั้งนี้ และที่รูปปั้นโกคูขนาดเท่าตัวจริงนอกสำนักงานใหญ่ของ Bandai ก็มีคนไปวางดอกไม้เพื่อไว้อาลัยอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย

นี่คือประวัติคร่าว ๆ โดยย่อของอาจารย์โทริยาม่าเท่านั้น ของจริงมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มาก ๆ ใครสนใจก็ไปหาอ่านได้ตามเว็บไซต์ต่างประเทศที่รวบรวมเอาไว้ ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้เชื่อว่าซีรีส์ Dragon Ball ก็จะยังคงอยู่ต่อไป และจะมีภาคต่อภาคใหม่ออกมาเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน แค่ตอนนี้มันติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ที่ซ้อนทับกันไปมา จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเราคงได้อ่านมังงะ Dragon Ball Super ต่อแน่นอน และขอให้พื้นที่ตรงนี้ไว้อาลัยและรำลึกถึงอาจารย์ โทริยาม่า อากิระ อีกครั้ง ที่สร้างผลงานสนุกยอดเยี่ยมให้เด็กหลายคนในยุคนั้นมาจนถึงตอนนี้ Thank you Akira Toriyama