
จบกันไปแล้วกับ Dragon Ball Daima ตอนที่ 20 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 มีนาคม วันเดียวกับที่ อาจารย์ โทริยาม่า อากิระ ผู้วาด Dragon Ball เสียชีวิตพอดี (ทีมงานจงใจแหละ) ซึ่ง Dragon Ball Daima ถือเป็นผลงานสุดท้ายของอาจารย์ที่มีส่วนรวมในการสร้างอนิเมะภาคนี้ ซึ่งตลอด 20 ตอนที่ฉายมาก็สร้างเสียงตอบรับทั้งแง่บวกและแง่ลบให้แฟน ๆ เป็นอย่างมาก และในตอนสุดท้ายของ Dragon Ball Daima ก็มีหลายเรื่องที่ให้บ่น เอ้ย !!! พูดถึงหลายอย่าง จะมีอะไรน่าสนใจกันบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

เปิดตอนมาจะเป็นเรื่องราวต่อจากตอนที่แล้ว ที่โกคูของเราได้คืนร่างเป็นผู้ใหญ่ตามเดิม เพิ่มเติมคือการแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า 4 ตอนโต ที่เหมือนใน Dragon Ball GT แบบสุด ๆ แต่ที่มาที่ไปจะต่างกันตรงที่ใน Dragon Ball GT โกคูกับเบจิต้าต้องมีหางงอกออกมาก่อน แต่ใน Dragon Ball Dima ไม่ต้องมีอะไรแบบนั้นเลย ซึ่งในตอนที่ 18 เราได้เห็น ท่านผู้เฒ่าโนวา มาทำอะไรบางอย่างกับโกคูในร่างเด็ก ก่อนที่โกคูจะแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า 4 ในตอนนั้นหลายคนก็เดาว่า นั่นอาจจะเป็นการปลุกพลังที่ซ่อนในตัวโกคูออกมาก็ได้ แต่ที่ไหนได้มันคือการฟื้นพลังให้โกคู จนเขาสามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า 4 ได้ โดยในตอนท้าย เบจิต้า ได้ต่อว่าโกคูเรื่องที่เขาแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า 4 ว่าทำได้แต่แรกแล้วทำไมไม่บอก โกคูบอกว่าเขาฝึกได้ร่างนี้มานานแล้วหลังจากสู้กับจอมมารบูจบ

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะรู้สึกแปลก ๆ กับเนื้อเรื่องที่มันช่างไม่บรรจบกัน กับเนื้อเรื่องในจักรวาลหลักเลย เพราะถ้าใครจำได้ใน Dragon Ball Super เราไม่เคยเห็นโกคูใช้ซูเปอร์ไซย่า 4 เลยแม้แต่ครั้งเดียว (ไม่เคยพูดถึงด้วยซ้ำ) แถมตอนที่ต้องแปลงร่างให้ ท่านเซ็นโอ ดูตอนนั้นก็ไม่มีซูเปอร์ไซย่า 4 รวมอยู่ด้วย ซึ่งถ้ามองในแง่ของโลกแห่งความจริง ตอนนั้น Dragon Ball Dima ยังไม่ถูกแต่งขึ้นมามันเลยไม่มี แต่พอ Dragon Ball Dima มาแล้วดันใส่ลงมาแบบมั่ว ๆ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยมันเลยไปทำให้เนื้อเรื่องของ Dragon Ball Super มั่วตามไปด้วย จนแฟน ๆ ที่จะพยายามช่วยแถให้ยังคิดเรื่องดี ๆ ที่จะมาช่วยถมเนื้อเรื่องให้ไม่ได้ จนหลายคนบอกว่ามันมั่วยิ่งกว่า Dragon Ball GT อีก

ต่อมาคือพลังของดวงตาปีศาจ ที่จัดเป็นไอเทมโคตรโกงที่สุดในจักรวาล Dragon Ball เพราะมันสามารถให้พลังผู้ใช้ได้แบบไม่จำกัด แบบสู้แพ้ก็อัดพลังเข้าไปอีกเรื่อย ๆ จนแม้แต่โกคูในร่างซูเปอร์ไซย่า 4 ยังสู้ไม่ไหว เพราะฝั่งนั้นพลังไม่มีวันหมด จนสุดท้ายบทจะเอาชนะก็ชนะแบบง่าย ๆ แค่นี้เนี้ยนะ แต่พอเทียบกับฉากต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็พอจะให้อถัยกันได้ รวมถึงช่วงท้ายที่เรามาทราบทีหลังว่าดวงตาปีศาจที่ว่านี้มันเคยมี 3 ดวง และถูกซื้อไป 1 ดวงเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นของแพงที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ จบแบบช่วยเฮ้ยได้ดีจริง ๆ ประมาณว่าไอเทมสุดโกงในตำนาน กลับเป็นของที่มีขายตามร้านทั่วไปเฉย อันนี้ถือว่าโอเคไม่ว่ากัน

พอดูจนจบครบ 20 ตอนหลายคนคงจะมีความคิดที่ต่างกันไป ทั้งชอบไม่ชอบและเกลียดไปเลยก็มี เอาเป็นว่าไหน ๆ มันก็สร้างออกมาแล้ว และเป็นผลงานสุดท้ายของอาจารย์โทริยาม่า หลายคนเลยไม่อยากว่าอะไรมาก ที่เหลือก็แค่รอให้อาจารย์ โทโยทาโร่ ผู้เขียน Dragon Ball Super ได้กลับมาเขียนต่อ ถึงตอนนั้นพี่แกคงจะหาทางอุดช่องว่างของเนื้อเรื่องส่วนนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าใครเคยอ่าน Dragon Ball Super มาจะเห็นว่ามีหลายตอนที่อาจารย์โทโยมาโร่ กับอาจารย์โทริยาม่ามาอุดช่องว่างของ Dragon Ball ในหลาย ๆ ส่วน ซึ่งไม่รู้ว่าอาจารย์แกจะกลับมาเขียนได้เมื่อไหร่ และถ้าใครสนใจก็มาอ่านรีวิวตัวเต็ม Dragon Ball Dima กันได้ที่ด้านล่างนี้เลย แบบสับละเอียดยิบขอบอก แล้วพบกันใหม่ในอนิเมะเรื่องหน้า