
เชื่อว่าหลายคนที่ใช้บริการ Netflix มานาน น่าจะเคยเห็นโฆษณาภาพยนตร์เรื่อง The Electric State ท่องแดนจักรกล แปะอยู่ด้านบนสุดของภาพยนตร์ที่กำลังจะฉาย ที่ทาง Netflix ค่อนข้างโปรโมทอยู่บ่อยมาก จนหลายคนที่เห็นหน้านักแสดงอย่าง Chris Pratt และน้อง Millie Bobby Brown ก็คงจะกดแจ้งเตือนเอาไว้เพื่อรอให้ถึงวันฉาย และเมื่อไปดูชื่อชั้นผู้กำกับก็ยิ่งการันตีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เพราะได้ผู้กำกับมือต้น ๆ ในวงการอย่างพี่น้อง Anthony และ Joe Russo ผู้มีผลงานในซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรมาแล้วหลายเรื่อง บวกกับตัวเรื่องที่สร้างมาจากนิยายอีก โดยข้อมูลบอกว่า พี่น้องรุสโซเซ็นสัญญาจะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ในเดือนธันวาคม 2020 ต่อมา Universal Pictures ได้ซื้อลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนที่ Netflix จะเข้ามาเทคโอเวอร์ลิขสิทธิ์ในเดือนมิถุนายน 2022 จนเราได้ดูในที่สุด มาดูกันว่า The Electric State ท่องแดนจักรกล จะสนุกสมการรอคอยรึเปล่ามาดูรีวิวไปพร้อม ๆ กันเลย
ในส่วนของเรื่องย่อจะกล่าวถึงโลกในปี 1990 แต่ไม่ใช่โลกที่เรารู้จัก แต่เป็นโลกที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เรียกว่าหุ่นยนต์เกิดขึ้นจากชายผู้มีนามว่า วอดิสนีย์ (ชื่อคุ้น ๆ เนอะ) ได้สร้างหุ่นยนตร์ขึ้นมาเพื่อใช้ในสวนสนุก ต่อมาก็มีการผลิตหุ่นยนต์ออกมามากมายเพื่อใช้ทำงานบ้านก่อสร้างและบริการต่าง ๆ จนวันหนึ่งเหล่าหุ่นก็เริ่มคิดได้ว่าตนเองถูกกดขี่จากมนุษย์ จึงเกิดเป็นสงครามระหว่างมนุษย์กับจักรกล โดยในศึกครั้งนี้มนุษย์เป็นฝ่ายชนะและขับไล่หุ่นยนต์ไปยังดินแดนรกร้าง วันเวลาผ่านไป มิเชลล์ เด็กกำพร้าที่พ่อแม่น้องชายเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ได้รับรู้จากหุ่นยนตร์ตัวหนึ่งว่า น้องชายของเธอที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วยังไม่ตาย แต่ร่างของเขาอยู่ในที่แห่งหนึ่งในดินแดนรกร้าง มิเชลล์กับหุ่นที่มีจิตน้องชายจึงต้องเดินทางไปช่วยน้องจากเหล่าจักรกล นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้

เริ่มจากเนื้อเรื่องที่เรียกว่าไปเร็วมาเร็วมาก ๆ เพียงไม่กี่นาทีในหนังก็เข้าสู่ประเด็นหลักของการเดินทางช่วยน้องแล้ว โดยในช่วงต้นทางผู้กำกับจะพยายามบอกเราว่า มิเชลล์กับน้องชายนั้นรักและผูกพันกันมากขนาดไหน โดยตัวของน้องชายมิเชลล์นั้นเป็นอัจฉริยะที่มิติปัญญาสูงมาก ๆ จนเมื่อเกิดอุบัติเหตุขับรถชนกวาง มิเชลล์ก็กลายเป็นเด็กกำพร้า จนเมื่อหุ่นที่มีจิตน้องชายปรากฏตัวมาทั้งคู่ก็ออกเดินทาง ซึ่งตรงนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีไม่เล่ายืดเยื้ออะไรมาก ซึ่งสิ่งที่ชอบที่สุดในตอนแรกก็คือการเล่าเรื่องในช่วงสงครามหุ่นยนต์กับมนุษย์ที่ถ้าเอามาสร้างดี ๆ จะได้หนังแนวสงครามอีกเรื่องเลยทีเดียว

ในส่วนของเนื้อเรื่องนอกจากจะบอกเล่าถึงการเดินทางของสองพี่น้องในดินแดนจักรกล ที่เราจะได้เห็นความรักความผูกพันของทั้งคู่แล้ว เนื้อหายังกล่าวถึงความเคารพในสิทธิพลเมืองที่แม้จะไม่ใช่มนุษย์แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ แค่ต้องให้ความเสมอภาคไม่ใช่มองพวกหุ่นเป็นแค่เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งในเรื่องก็มีการเปรียบเทียบว่าเราต้องเคารพตู้เย็นกับเครื่องปิ้งขนมปังด้วยรึเปล่าทั้งที่เราไปซื้อมันมา ขณะที่ฝ่ายหุ่นที่พ่ายแพ้ก็ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ก็รู้สึกขัดใจที่กระดาษแผ่นเดียวจะสามารถยุติสงครามระหว่างหุ่นกับมนุษย์ได้ เพียงเพราะเหล่าหุ่นต้องการสิทธิเสรีภาพ เพราะตนเองก็มีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์ แต่ฝ่ายมนุษย์ต้องการให้เหล่าหุ่นเป็นทาสต่อไปนั่นคือสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการสื่อบอกเรา

แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นจุดขายจริง ๆ ของเรื่องนี้คือพรี่ คีตส์ อดีตทหารที่เคยทำสงครามกับจักรกล แต่ตอนนี้เขากลับมีเพื่อนเป็นจักรกลจอมพูดมาก ที่จะมาขโมยซีนความเฮฮาในเรื่อง ที่ช่วยกลบซีนน่าเบื่อของมิเชลล์กับน้องชายไปได้ เพราะถ้าคุณดูภาพยนตร์แนวนี้มาบ่อย ๆ คุณจะรู้ทันทีเลยว่าในเรื่องนี้มันต้องมีซีนมีโมเม้นพี่สาวปกป้องน้องชาย น้องชายช่วยพี่สาว การพูดถึงอดีตและซีนซึ้ง ๆ ระหว่างพี่น้องที่มันต้องมี แต่คนดูหลายคนก็เบื่อซีนแบบนี้ แต่การมีอยู่ของพรี่คีตส์กับหุ่นคู่หูก็ทำให้เนื้อหาตรงนั้นถูกกลบไปได้ ซึ่งเอาจริง ๆ เนื้อเรื่องในภาพยนตร์เรื่องนี้มันตามสูตรมาก ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่ถ้าคุณดูหนังแนวนี้มาเยอะคุณจะเดาได้เลยว่าตอนจบเป็นอย่างไร และหนังต้องการสื่ออะไรเพียงแค่ดูตัวอย่าง

แต่ถึงจะดูซ้ำจำเจไปบ้างในแง่ของเนื้อหา แถมสิ่งที่ต้องการสื่อก็ค่อนข้างไกลตัว แต่โดยรวมตัวภาพยนตร์ก็ดูได้เรื่อย ๆ กราฟิกหุ่นทำออกมาได้ดีบางตัวดูน่ากลัวบางตัวดูเท่ ยิ่งสมาชิกก๊วนหุ่นกู้โลกในช่วงท้ายเล่นเอาเราอยากเอาใจช่วยเลยว่าพวกนั้นจะรอดไหม และในหลาย ๆ ฉากตอนทำสงครามพอเห็นฝ่ายหุ่นตุยก็แอบเสียใจเหมือนกัน เพราะเรารู้ว่าพวกเขาแค่ต้องการอิสระภาพความเท่าเทียมเท่านั้น แต่มนุษย์กลับไม่สามารถให้ได้ และมองหุ่นเหล่านั้นเป็นเพียงแรงงานที่ต้องทำตามคำสั่ง ที่จะพังไปก็ไม่รู้สึกอะไรแต่จริง ๆ หุ่นเหล่านั้นก็มีชีวิตจิตใจ จนเราคนดูแอบเอนเอียงมาทางหุุ่นตลอดทั้งเรื่อง ขณะที่ตัวร้ายฝั่งมนุษย์จะเรียกว่าเลวร้ายก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะเป้าหมายของตัวร้ายเป็นสิ่งที่หวังดีกับทุกคน แต่แค่วิธีการมันผิดเท่านั้นจนบานปลายเป็นการใช้ความรุนแรง บวกกับความเกลียดชังหุ่นยนต์จึงทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ขึ้นมา

มาถึงตรงนี้ถ้าให้สรุปเนื้อหาภาพยนตร์ The Electric State ท่องแดนจักรกล คงต้องบอกว่ามันคือหนังที่เดินตามสูตรพี่ช่วยน้องในแดนจักรกล ที่มีพระเอกเป็นมนุษย์ลุงกับหุ่นพูดมากที่ต้องเดินทางเจอเรื่องต่าง ๆ พอเดินเรื่องมาช่วงหนึ่ง เราก็จะรู้ว่าสิ่งที่เรารู้มาตั้งแต่ต้นมันผิด ก่อนจะร่วมมือกับฝ่ายถูกไปเอาชนะฝ่ายที่เราคิดว่าเป็นคนดีในตอนแรก กับตอนจบที่ที่เราก็พอจะเดาได้ว่ามันต้องจบอย่างไร ซึ่งเนื้อเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่แต่มันดูเก่าไปหน่อยในยุคนี้ ส่วนนักแสดงถือว่ายอดเยี่ยมไม่มีอะไรต้องติ เสียงพากย์ไทยก็ดีงามชอบเลย ตัวเรื่องดูได้เรื่อย ๆ เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีใครที่กำลังหาหนังดูช่วงวันหยุดกับครอบครัวบอกเลยว่าไม่ควรพลาด ส่วนคะแนนขอให้ที่ 6.7 เต็ม 10 ใครสนใจไปดูทาง Netflix ได้เลย