
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนน่าจะได้เล่นเกม นักฆ่าทะลุมิติเวลาย้อนเรื่องราวสู่อนาคตอย่าง Assassin's Creed Shadows กันไปแล้ว และคงจะได้รับความสนุกน่าสนใจกับความแปลกใหม่ กับการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นโบราญที่สมจริงที่สุด และไม่เคยมีเกมแนวนี้ (ญี่ปุ่นโบราญ) เกมไหนจะทำกราฟิกฉากบรรยากาศได้สมจริงเท่านี้มาก่อน ที่เรียกว่าจำลองญี่ปุ่นโบราญได้สมจริงจนแม้แต่คนอเมริกันยังบอกเลยว่านี่คือเกมที่จำลองความเป็นญี่ปุ่นได้ 100% อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน (ก็เล่นพูดประชดแซะเกมเขาทุกข่าวแบบนี้ ทางค่ายคงส่งเกมมาให้รีวิวแหละ) และถ้าใครที่เล่นเกม Assassin's Creed Shadows มาแล้วคงจะทราบที่มาที่ไปของชื่อ ยาสึเกะ ว่ามาจากไหนผู้ใดเป็นคนตั้งให้ แล้วเรื่องราวจริง ๆ ของยาสึเกะเป็นอย่างไรเราได้ไปหาข้อมูลจากประเทศญี่ปุ่นมานำเสนอให้คุณได้อ่านกัน

เริ่มจากในเกมกันก่อนโดยเริ่มต้นเรื่องราวของเกม เราจะได้ควบคุมชายผิวดำที่มายังญี่ปุ่นพร้อมกับ Alessandro Valignano นักบวชนิกายเยซูอิตหรือมิชชันนารีชาวอิตาลีโปรตุเกส ซึ่งชื่อจริง ๆ ของชายคนนี้ที่คณะชาวโปรตุเกสเรียกเขาว่า ดิโอโก ซึ่งเราต่างก็เข้าใจมาตลอดว่า โอดะ โนบุนากะ เป็นคนตั้งชื่อ ยาสึเกะ ให้พี่แก แต่จริง ๆ แล้วดิโอโกเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ตัวเอง โดยอ้างอิงจากเรื่องเล่าของเด็กชายคนหนึ่งที่พูดถึงนักดาบในตำนานที่เป็นปู่ของเขาที่มีชื่อว่า ยาสึเกะ ที่แปลว่ากล้าหาญและใจดี เด็กหนุ่มเล่าว่าเขาคิดถึงปู่ของเขามากแค่ไหน และปู่ของเขาก็ช่วยเหลือผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้ดิโอโกประทับใจจึงยืมชื่อนี้มาใช้และบอกกับโอดะ โนบุนากะว่าตนเองชื่อว่ายาสึเกะนับตั้งแต่นั้น

แล้วทางฝั่งญี่ปุ่นละเขียนเรื่องนี้อย่างไร ทางทีมงานเลยไปหาข้อมูลทางฝั่งญี่ปุ่น ที่เล่าต่างกับในเกมไปคนละเรื่องเลยทีเดียว (ไหนว่าศึกษาประวัติศาสตร์มาอย่างดีไง) จากข้อมูลบอกว่ายาสุเกะเป็นชาวโมซัมบิกโดยกำเนิด ที่เดินทางไปมาหลายประเทศพร้อมกับคณะเยซูอิตชาวอิตาลี ซึ่งจากบันทึกของคนญี่ปุ่นบอกว่าในอดีตก่อนที่ยาสึเกะจะมา ก็เคยมีเรือจากโปรตุเกสกับสเปนเดินทางมาค้าขายกับญี่ปุ่น โดยนำคนเชื้อสายแอฟริกันมาด้วยในฐานะทาสเมื่อราว ๆ ปี ค.ศ. 1546 ส่วนการกล่าวถึงยาสึเกะครั้งแรกเกิดขึ้นในบันทึก Shincho Koki หรือ บันทึกของโนบุนากะ ในปี 1581 (ค่อย ๆ ไปทีละจุดเพราะรายละเอียดมันเยอะ) ในปี 1579 วาลิญาโน เดินทางมาถึงเมืองคูชิโนะสึที่ปลายสุดด้านใต้ของคาบสมุทรชิมาบาระ จากนั้นจึงเดินทางไปยังจังหวัดบุงโง ก่อนจะออกเดินทางไปยังคินาอิในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1581 โดยผู้ที่เดินทางไปกับวาลิญาโนจาก บุงโก ประกอบด้วยนักบวชสี่คนรวมถึง หลุยส์ ฟรัวส์ และ ลอเรนโซ เมสไซอาห์ นักบวชสามคนและชายผิวดำคนหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่าเป็นยาสึเกะ

วันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1581 เมื่อวาลิญญาโนและคณะเดินทางเข้าสู่เกียวโต พร้อมกับข่าวตัวประหลาดผิวดำก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนฝูงชนแห่ไปดูที่วัดนันบันจิ บางคนขว้างก้อนหินใส่ชายคนนั้น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเกือบเสียชีวิต โนบุนางะเมื่อได้ยินข่าวลือเรื่องนี้จึงเชิญยาสึเกะไปที่วัดฮอนโนจิที่โนบุนางะพักอยู่ รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ถูกบันทึกไว้ในหนังสือชินโชโคคิ เล่มที่ 14 มีบันทึกไว้ว่า "เมื่อวันที่ยี่สิบสามของเดือนที่สอง มีพระภิกษุรูปหนึ่งจากจังหวัดคิริชิทันเดินทางมา เขาดูน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบหกหรือยี่สิบเจ็ดปี ร่างกายของเขาดำเหมือนวัว เขาเป็นชายที่แข็งแรงและหน้าตาดี และยิ่งกว่านั้น เขายังมีพละกำลังมากกว่าใคร ๆ ที่อายุน้อยกว่าสิบปี" ส่วนจดหมายเหตุของหลุยส์ ฟรอยส์และลอเรนโซ เมสเซียบอกว่า "โนบุนางะไม่เชื่อว่าผิวหนังของชายคนนี้เป็นผิวหนังธรรมชาติไม่ได้ทาด้วยหมึก ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ถอดกิโมโนกับสายคาดเอวออก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโนบุนากะให้เขาล้างตัว แทนที่จะขาวขึ้นเขากลับคล้ำขึ้นด้วยซ้ำ"

จากข้อมูลไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนตั้งชื่อยาสึเกะให้พี่แก แต่ข้อมูลบอกว่ายาสึเกะนั้นพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย และด้วยความแข็งแกร่งมีพรสวรรค์ โนบุนางะจึงยินดีที่จะรับเขาไว้ภายใต้การดูแลและให้เขาเดินตรวจตราเมืองด้วย หลังจากโนบุนางะตายในเหตุการณ์ที่วัดฮอนโนจิในปี 1582 (ขอข้ามเรื่องราวมาเลยแล้วกัน) ข้ารับใช้ของ มิสึฮิเดะ ถามว่าจะทำอย่างไรกับยาซึเกะตัวของมิสึฮิเดะตอบว่า "มันเป็นทาสเป็นสัตว์รับใช้ มันไม่รู้อะไรเลย และมันไม่ใช่คนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ควรฆ่ามัน" จากนั้นเขาก็สั่งให้นำยาซึเกะไปไว้ที่โบสถ์ของบาทหลวงในอินเดีย จากนั้นก็ไม่มีบันทึกใด ๆ อีกแต่เชื่อว่ายาสึเกะยังมีชีวิตอยู่นั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ที่รวบรวมมาจากของฝั่งญี่ปุ่น

นี่คือเรื่องราวสรุปย่อ ๆ ที่เรารวบรวมมา ของจริงมีรายละเอียดและเยอะกว่านี้ ใครสนใจก็ไปหาบันทึกของญี่ปุ่นมาอ่านกันได้ และเมื่อเราย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาในช่วงต้นที่อยู่ในเกม Assassin's Creed Shadows ก็มีความเหมือนและต่างกันอยู่ในหลาย ๆ จุด ซึ่งเราก็ไม่ขอฟันธงว่าข้อมูลจากฝั่งญี่ปุ่นจะจริงแท้ขนาดไหน เรียกว่าฟังหูไว้หูก็แล้วกัน เพื่อจะได้เอาไปคุยกับคนอื่นได้ว่ายาสึเกะเป็นใครมาจากไหนอย่างไร ส่วนข่าวดราม่าต่าง ๆ ยังไงก็ไม่ต้องไปอินไปจริงจังกับมันมาก เพราะเดี๋ยวมันก็ผ่านไปและมีเรื่องใหม่มาอีก ขอแค่เราเล่นเกมให้สนุกก็พอแล้วไม่ต้องคิดมา