
เปิดให้เล่นกันเป็นที่เรียบร้อยกับโหมดใหม่สดซิงของ Overwatch 2 ในชื่อ Stadium ซึ่งหลังจากที่เราได้เห็นคนอื่นเล่นกับการโปรโมทตามที่ต่าง ๆ มานาน ในที่สุดก็ได้เล่นเองเสียที พอได้เล่นความรู้สึกแรกก็คือมันคือความแปลกใหม่ที่จะได้เล่นแนวมุมมองบุคคลที่ 3 (เห็นตัวละคร) ต่างกับก่อนหน้านี้ที่เล่นแบบมุมมองกล้องมุมมองบุคคลที่ 1 แถมตัวเกมยังมีระบบซื้อท่าเพิ่มความสามารถ ที่บอกเลยว่าอ่านกันตาแตกก็ไม่เข้าใจว่ามันเพิ่มอะไร มีแต่ลองผิดลองถูกกันไปเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากที่ได้ลองเล่นมาแล้วหลายชั่วโมงตั้งแต่เกมเปิดให้เล่น ก็พอจะเอามารีวิวความรู้สึกคร่าว ๆ ตอนเล่นได้ว่ามันเป็นอย่างไร มีข้อดีข้อเสียตรงไหนเดี๋ยวเราจะเอามารีวิวแบบบ้าน ๆ เข้าใจง่าย ๆ ให้คุณได้อ่านกัน
เปิดเกมมาเมื่อคุณเข้าไปในโหมด Stadium ตัวเกมจะปรับให้คุณเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ทันที ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นมุมมองแบบเก่าได้ตามที่ต้องการ โดยการเล่นแนวมุมองบุคคลที่ 3 มันให้อารมณ์การเล่นเหมือน Marvel Rivals มาก ๆ ทั้งการควบคุมตัวละครจังหวะการเล่นการยิง ที่แรก ๆ เราอาจจะไม่คุ้นเพราะจุดเล็งมันเปลี่ยนไปเป็นมุมมองด้านหลังตัวละคร ทำให้เราต้องเล็งมองจุดตรงหน้ามากขึ้น แทนที่มันจะอยู่ตรงหน้าแบบมุมมองแบบเก่า ที่พอคุ้นแล้วคุณจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งนี้ ยิ่งถ้าคุณเล่น Marvel Rivals มาเยอะแบบผู้เขียนคุณจะคุ้นกับการเล่นได้เร็วมาก โดยเฉพาะ Soldier 76 กับ Mei ที่เล่นมุมมองนี้ได้สนุกมาก ๆ ขณะที่ Dva ที่เล่นมุมมองนี้ได้แย่สุด ๆ แนะนำให้เล่นแบบเดิมจะควบคุมง่ายกว่า

ต่อมาคือการใส่ความสามารถที่มีเยอะมากเยอะเกิน และอ่านกันให้ตายยังไงก็ไม่เข้าใจว่ามันทำอะไรได้ เพราะมันอธิบายแค่นิดเดียว และพอใส่ไปแล้วแทบไม่รู้สึกเลยว่าตัวละครเราเก่งขึ้น หรือมีความเปลี่ยนแปลงอะไร จะมีแต่บางท่าที่เปลี่ยนไปจริง ๆ อย่าง Dva ที่ลอยตัวจะมีลาวาลงมา Mei ที่เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งกลิ้งกับกับแพงแช่เข็ง ส่วน Zarya แทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเลย ตอนเล่นผู้เขียนอาศัยดูค่าพลังที่เพิ่มขึ้นที่ด้านล่างว่าพลังโจมตีเพิ่มพลังชีวิตเพิ่ม เรียกว่าลองผิดลองถูกใส่ ๆ กันไป เดี๋ยวคุณก็คงจะมีชุดตั้งต้นที่คุณคุ้นเคยเอง ตอนนี้ก็มั่ว ๆ ใส่ ๆ ไปก่อน

คราวนี้มาดูการเล่นกันบ้าง ตัวเกมจะเป็นการจำลองสนามต่าง ๆ รวมถึงสนามใหม่ที่ตัดให้สั้นลงเหลือครึ่งเดียว เช่นการดันหุ่นก็จะเหลือแค่ 2 จุด การยึดจุดก็เหลือแค่จุดเดียวเพื่อให้เกมจบเร็ว เพราะในหนึ่งตาอาจจะต้องเล่นถึง 7 สนามที่ถ้าชนะ 4 ใน 7 ก็จะชนะเกมนี้ไป ซึ่งพอเล่นจริง ๆ มันต้องรีบเล่นรีบคิดรีบกระทำ และสิ่งที่ต้องเจอบ่อยสุดคือตัวล้วง โดยเฉพาะ Genji กับ Reaper ที่จะแอบมาล้วงข้างหลังมากขึ้น จนบางทีเราต้องลงมาช่วยหลังทำให้สายรักษาอยู่ยากขึ้น แถมสนามก็มีขนาดเล็กเลยทำให้ตัวละครมากระจุกรวมกันสู้กันนัว ๆ ต่างกับการเล่นปกติที่ยังพอให้เราพักได้วิ่งได้แอบยืนฮีลตัวเอง แต่นี่เข้าเกมมาก็ปุปะปุปะตุยเริ่มใหม่ไม่ทันไรอ้าวจบเกมเราแพ้แบบนี้เกือบทุกตา ซึ่งถ้าถามว่าสนุกไหมก็สนุกแหละแต่มันแอบชวนหัวร้อนเหมือนกัน เพราะตัวละครที่น้อยและเปลี่ยนตัวระหว่างเกมไม่ได้ การแก้ทางตัวละครที่แพ้ทางกันก็ต้องปรับตัวละครให้แข็งแกร่งจนสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่มือใหม่อย่างเราต้องเรียนรู้ว่าต้องใส่อะไรเพิ่วตรงไหน ซึ่งกว่าจะเข้าใจสิ่งนี้ก็คงต้องแพ้รัว ๆ จนหัวร้อนทำให้การเล่นไม่สนุก

สรุปโดยรวม Overwatch 2 Stadium มันคือความแปลกใหม่ที่สนุกน่าสนใจดี ตัวเกมมาเร็วไปเร็วถ้าคุณเลือกทีมผิดเลือกใส่พลังมั่วคุณอาจจะเสียเปรียบทันที แม้บางตัวคุณจะชนะทางในตาปกติก็ตาม ดังนั้นการเลือกตัวละครเริ่มต้นการลองผิดลองถูกจนรู้ว่าพลังอะไรดีไม่ดีจึงต้องค่อย ๆ เรียนรู้หน้างานเอา ซึ่งถ้าจะเล่นแบบจริงจังคงจะเล่นได้ไม่นานก็เบื่อ มันจะได้แค่ฉาบฉวยเพราะรูปแบบการเล่นมันก็ซ้ำ ๆ เพราะมีตัวละครไม่มากเราก็มักจะเจอแต่ตัวละครชุดเดิม ๆ เล่นไปไม่กี่ตาก็เบื่อกลับไปเล่นโหมดปกติที่ไม่ต้องรีบรีบเล่นแบบใน Stadium นี้ แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคสนุกและแปลกใหม่ที่ Overwatch 2 ควรจะมีตั้งนานแล้ว ใครสนใจไปลองเล่นกันได้ตอนนี้เลย โดยเฉพาะมุมกล้องใหม่ที่เปลี่ยนการเล่นเดิมไปเลย จนอยากให้เอามุมกล้องนี้มาใส่ในเกมปกติบ้างคงดีไม่น้อยเลย