
เล่นเอาหลายคนถึงกับถอนหายใจยาว ๆ กันเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นตัวอย่างล่าสุดของซีรีส์เรื่องใหม่ของ Netflix อย่าง Kakegurui หรือชื่อไทยอย่าง โคตรเซียนโรงเรียนพนัน ที่มีการปล่อยตัวอย่างแรกออกมา ซึ่งเล่นเอาหลายคนที่เคยดูเคยชื่นชอบในฉบับมังงะอนิเมะมาแล้ว ถึงกับอึ้งทึ่งพูดไม่ออกกับการไม่ตรงปกของตัวละคร แถมในตัวอย่างเรายังได้เห็นเนื้อหาที่ไม่ตรงกับในอนิเมะอีกด้วย จนหลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์ Death Note ของ Netflix มาแล้ว ต่างก็รู้ซึ่งถึงความไม่ตรงปกไม่ตรงเนื้อหาของฉบับภาพยนตร์ดีว่า มันต้องออกมาแย่อย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังมีกลิ่นอายความ Woke โชยออกมาอีกด้วย (ภาพยนตร์น่าจะสร้างช่วงที่ Woke กำลังมาแรง) จนหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาพยนตร์ที่สร้างจากมังงะอนิเมะคือการทำลายภาพลักษณ์ของอนิเมะมังงะที่เคยดีให้เสียลงจนกู่ไม่กลับ
ซึ่งถ้าจะให้กล่าวถึงภาพยนตร์ที่สร้างจากมังงะอนิเมะนั้น เอาจริงมันมีมานานมาก ๆ แล้ว โดยเฉพาะฝั่งญี่ปุ่นที่เป็นต้นน้ำต้นทางของการเอามังงะอนิเมะมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ที่แต่ละเรื่องก็เรียกว่าทำไปได้หรือจะทำมาเพื่อ จนหลายคนบ่นว่ามันไม่ดีไม่สนุกและไม่ตรงกับเนื้อหาในมังงะอนิเมะ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความคล้ายความเหมือนหรือกลิ่นอายอยู่บ้าง แต่สำหรับต่างประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์มังงะอนิเมะไปทำเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์บอกเลยว่ามันช่างแตกต่าง ชนิดที่ว่าถ้าไม่แปะชื่อมังงะอนิเมะก็แทบไม่รู้เลยว่ามันสร้างมาจากมังงะอนิเมะเรื่องนี้ เพราะนอกจากตัวละครที่ไม่เหมือนแล้ว ยังมีการเปลี่ยนบทเปลี่ยนเนื้อหาและใส่ความเป็นตัวเองลงไปจนแทบไม่มีกลิ่นอายความเป็นต้นฉบับอยู่เลย ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยอย่าง Dragonball Evolution ที่มองจากดาวอังคารก็รู้เลยว่ามันไม่ใช่ Dragonball ที่เรารู้จัก ขณะที่ย้อนกลับไปในยุค 90 ก็เคยมีการสร้าง Dragonball ฉบับคนแสดงมาแล้วอันนั้นยังคล้ายกว่าของ Dragonball Evolution อีก
และเรื่องล่าสุดที่เป็นประเด็นตอนนี้อย่าง โคตรเซียนโรงเรียนพนัน ที่เนื้อเรื่องจริง ๆ ก็ไม่มีความแฟนตาซีเลยถ้าไม่นับเหล่าตัวละครเบียว ๆ ในเรื่อง อันนี้ก็น่าจะสร้างออกมาได้ง่าย ๆ และถ้าอ้างอิงเรื่องราวในอนิเมะมาเป็นแบบ เราก็จะได้เห็นการต่อสู้เดิมพันในการพนันแบบต่าง ๆ ที่สนุกเร้าใจมาก ๆ แต่ตัวใจของ โคตรเซียนโรงเรียนพนัน ก็คือตัวนางเอกที่ตอนปกตินางจะเป็นคนธรรมดาน่ารัก แต่พอได้เล่นพนันนางจะเปลี่ยนมาเป็นคนบ้าคลั่ง ยอมแลกทุกอย่างเสี่ยงแม้แต่ชีวิตตัวเพื่อเพื่อให้สนุกกับการพนันที่ไม่โกง รวมถึงตัวละครในเรื่องที่ก็เบียวบ้าพอ ๆ กัน ซึ่งในตัวในตัวอย่างไม่เป็นแบบนั้นเลย แถมเนื้อเรื่องที่ดูก็ไม่มีส่วนไหนตรงกับในอนิเมะเลย เหมือนอย่างที่ภาพยนตร์ Death Note ของ Netflix ทำ ที่เปลี่ยน เอล เป็นคนผิวดำอันนี้ไม่ติดไม่ว่ากัน แต่การเปลี่ยนเอลเป็นพวกหัวร้อนลงมือเองเปิดเผยหน้าตา (ปิดแค่ปากไม่เรียกปิดบังตัวนะครับ) ส่วน คิระ ก็ออกบื้อ ๆ มันดูขัดจากเนื้อหาที่มันควรเป็นอย่างมาก
แล้วภาพยนตร์จากการ์ตูนที่ดีละ เท่าที่คิดออกตอนนี้ก็คงจะเป็น One Piece ของ Netflix ที่ทำออกมาได้ดีใกล้เคียงและมีกลิ่นอายความเป็น One Piece ออกมาได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเนื้อเรื่องและหัวใจหลักที่มีในมังงะอนิเมะ ที่ถ่ายถอดออกมาได้อย่างลงตัว ซึ่งนี่ละคือสิ่งที่คนสร้างภาพยนตร์ลืมไม่คิดถึงหรือทำไม่ได้ นั่นคือการเอาแก่นหรือสิ่งที่อยู่ในมังงะอนิเมะเรื่องนั้น ๆ ออกมา อย่าง One Piece แก่นในช่วงแรกของมังงะอนิเมะเรื่องนี้คือ เพื่อนและการปกป้องดูแลช่วยเหลือกันและกัน แต่ก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ อย่างโซโลที่ต้องการเป็นนักดาบมือหนึ่ง การยืนดูเพื่อนต่อสู้จนตัวตายโดยไม่ห้ามคือมิตรภาพและความต้องารเพื่อน หรือนามิที่ต้องการมีอิสระแแต่ก็อยากช่วยทุกคน ลูฟี่ จึงจัดให้เพราะเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน ไม่ใช่การเดินทางผจญภัยของลูฟี่และฟ้องเพื่อนอย่างที่หลายคนคิด นั่นคือแก่นที่ซึรีส์ One Piece มีแต่ภาพยนตร์จากมมังงะอนิเมะอื่นไม่มี
แล้วแก่นของ Death Note ละคืออะไร แก่นของ Death Note คือคำว่า เพื่อนคู่แข่ง การชิงไหวชิงพริบของคนสองคนผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Death Note ที่ต่างฝ่ายต่างรู้ไต๋ของอีกฝ่ายแต่ไม่มีหลักฐานมัดตัว เลยต้องชิงไหวชิงพริบให้เหนือกว่าอีกฝ่ายกันไปมานั่นคือแก่นของเรื่อง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ตัวละครและสมุด Death Note ที่มันจะทำอะไรได้และมันต้องเป็นอย่างไร ซึ่งเรียกผิดทิศผิดทางแบบสุด ๆ ส่วน โคตรเซียนโรงเรียนพนัน แก่นคือการเล่นพนันอย่างบ้าคลั่ง ส่วนตัวละครเป็นแค่เนื้อหารองเท่านั้น แค่ตัวละครสนุกกับการพนันขณะที่ตัวละครอื่น ๆ จะเข้ามาหาตัวนางเอกเองผ่านการชนะที่ยอมทุ่มทุกอย่างของเธอ (บ้าจนมีคสนใจมาท้าสู้) โดยที่เราไม่รู้และสนใจเลยว่านางเอกคือใครเธอมีปมอะไร เรารู้แค่ว่าเธอสนุกเธอทุ่มกับการพนัน และเอาชนะอีกฝ่ายที่โกงได้อย่างไรจากสิ่งที่เป็นไม่ได้ได้ผ่านตัวละคร นั่นคือสิ่งที่โคตรเซียนโรงเรียนพนันมี ซึ่งต้องดูว่าในซีรีส์ที่จะฉายจะทำได้แบบนั้นไหม

ถ้าจะให้สรุปแบบสั้น ๆ ได้ใจความก็คงต้องไปดูฝั่งภาพยนตร์ที่สร้างจากเกม ที่ตอนนี้ฝั่งนั้นเริ่มปรับตัวและรู้ทิศรู้ทางของตัวเองว่าแก่นของเกมนั้นคืออะไร อย่าง Minecraft ที่คงแก่นและจิตวิญญาณความเป็น Minecraft ออกมาได้อย่างตรงตัว โดยแก่นของ Minecraft คือความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผ่านโลกแห่ง Minecraft แต่โลกแห่งความจริงครอบครัวเพื่อนก็สำคัญ ขณะที่ Sonic the Hedgehog ก็ดึงจิตวิญญาณของตัว Sonic ออกมาตามที่คนเล่นเกมต้องการ ซึ่งหัวใจหลักของ Sonic คือเพื่อนครอบครัวและการปกป้องดูแลกันและกัน ผ่านการเดินทางปราบเหล่าร้ายในภาคต่าง ๆ นั่นคือแก่นที่คนสร้างภาพยนตร์ต้องหาให้เจอจับให้ได้และดึงมันออกมา ไม่อย่างนั้นมันก็จะเป็นภาพยนตร์จากอนิเมะมังงะที่แย่อีกหนึ่งเรื่องเหมือนที่เคยเป็นมา