
เดินทางมาถึงตอนที่ 3 ของความปวดตับในซีรีส์ The Last Of Us ซีซัน 2 กันเป็นที่เรียบร้อย โดยในตอนนี้ถ้าใครได้เข้าไปดูใน HBO จะได้ดูแบบพากย์ไทยกันแล้ว ที่บอกเลยว่าจัดหนักจัดเต็มคำด่า ที่ถ้าคุณคิดว่าอ่านซับด่าแรงแล้วพากย์ไทยด่าแรงกว่าอีก โดยเรื่องราวใน The Last Of Us ซีซัน 2 ตอนที่ 3 จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่หลายคนน่าจะทราบดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครหลักอย่าง โจเอล ที่ถูกตัวละครใหม่อย่าง แอ๊บบี้ ฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา เอลลี่ ที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ซึ่งใครที่ไม่ได้เล่นเกมรู้เนื้อเรื่องเกมมาก่อนน่าจะตกใจกันน่าดู โดยในตอนที่ 3 นี้ก็มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากมายที่หลายคนไม่รู้ (แต่คนเล่นเกมรู้) จะเอามาบอกให้คุณได้ดูกัน จะมีเนื้อหาอะไรน่าสนใจบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

เรื่องราวของ The Last Of Us ตอนที่ 3 จะตัดข้ามมา 3 เดือนหลังเหตุการณ์ซอมบี้บุกแจ็กสันวิลล์ รวมถึงการเสียชีวิตของโจเอลในเหตุการณ์นี้ ต่างกับในเกมที่ใช้เวลาแต่ไม่กี่วันเอลลี่ก็ออกเดินทางเลย ซึ่งส่วนนี้ในตัวซีรีส์ได้คิดเอาไว้แล้วว่าทำไมต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนในการออกเดินทางเอลลี่ นั่นก็เพื่อให้ตัวละครได้พักฟื้นร่างกายและปรับสภาพจิตใจก่อนออกเดินทาง เพราะอย่าลืมว่าเอลลี่นั้นเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 19 แถมในตอนนั้นเธอก็ถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างหนัก การออกไปสู้ทั้งแบบนั้นดูยังไงมันก็ไปตายระหว่างทางมากกว่า ทางคนเขียนบทจึงให้เอลลี่ได้พัก ซึ่งนั่นก็ตรงกับการเปลี่ยนบทที่ต่างกับในเกมที่ว่าทำไมถึงให้ ดีน่า ไปอยู่กับโจเอลแทน ทอมมี่ นั่นก็เพื่อให้ดีน่าเป็นคนบอกข้อมูลทุกอย่างให้เอลลี่รู้นั่นเอง

ในส่วนต่อมาที่ไม่มีในเกมคือการประชุมสภาเมือง รวมถึงเรื่องราวของจิตแพทย์ที่เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในการอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อย่างตอนที่ทอมมี่พูดกับจิตแพทย์ เธอบอกว่าการเลี้ยงดูมีผลกับเด็กแค่ส่วนเดียวที่เหลือคือสันดารล้วน ๆ หรือก็คือการซึมซับนิสัยการกระทำมาจากผู้ปกครอง ซึ่งเอลลี่ก็ซึบซับนิสัยนี้มาจากโจเอลแบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะนิสัยการหาข้ออ้างเพื่อรองรับการกระทำของตัวเอง อย่างการฆ่าทุกคนในซีซันที่แล้ว โดยอ้างว่าเขาทำไปเพื่อปกป้องเอลลี่ ทั้งที่จริงพี่แกปกป้องจิตใจตัวเองไม่ให้แตกสลายมากกว่า ซึ่งเอลลี่ก็ทำแบบเดียวกันนั่นคือการแก้แค้นให้โจเอล โดยอ้างว่าทำเพื่อป้องกันทุกคนในหมู่บ้าน ที่ถ้าเป็นใครในหมู่บ้านเจอแบบนี้เอลลี่ก็จะไปช่วยแก้แค้น ซึ่งนั่นคือคำโกหกที่จิตแพทย์บอก เพราะเอลลี่คงไม่สนใจใครนอกจากคนของตน แบบที่โจเอลฆ่าสามีของจิตแพทย์แต่ก็ยังไปให้เธอบำบัดอาการทางจิต นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าโจเอลไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเอง ซึ่งเอลลี่ก็เป็นแบบนั้น

คราวนี้มาดูส่วนสำคัญที่หลายคนซึ่งไม่เคยเล่นเกมอาจจะสงสัย นั่นคือกลุ่มคนหัวโล้นที่มีแผลเป็นบนหน้ากับผู้หญิงที่มัดผมและมีแผลเป็นที่แก้ม (ผู้ชายจะโกนหัวผู้หญิงจะมัดผมทรงเดียวกัน และมีแผลเป็นที่แก้มทั้ง 2 ข้างเหมือนกัน) พวกนี้คือใครและสิ่งที่ชายหัวโล้นพูดกับเด็กผู้หญิงเรื่องศาสดาคือใคร ซึ่งถ้าเอาที่บอกได้คร่าว ๆ ตอนนี้แบบไม่สปอยล์มากไปเกินไป คนกลุ่มนี้จะเรียกตัวเองว่า Seraphites แต่ฝั่งศัตรูจะเรียกว่า Scars เป็นลัทธิบูชาศาสดา ประหนึ่งศาสนาใหม่ที่คนในกลุ่มนี้สร้างขึ้นมา โโยพวกนี้จะใช้การผิวปากส่งสัญญาณ (ในเกมถ้าได้ยินเสียงผิวปากคือต้องรีบหลบ) พวกนี้จะใช้ธนูในการต่อสู้และจะไม่ใช้เทคโนโลยีแต่จะอาศัยอยู่แบบชาวป่าสมัยโบราณ โดยคนกลุ่มนี้กำลังทำสงครามกับ Washington Liberation Front หรือ WLF เพื่อควบคุมซีแอตเทิล ซึ่งถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่พวก WLF ทำกับ Seraphites ในซีรีส์โหดแล้ว รอดูสิ่งที่ Seraphites ทำกับ WLF บ้างแล้วคุณจะรู้ว่าทำไมสองฝั่งนี้ถึงไม่เผาผีกัน

ขณะที่ฝั่ง Washington Liberation Front หรือ WLF คือกลุ่มทหารเก่าที่ในช่วงการติดเชื้อใหม่ ๆ ทหารกลุ่มนี้ก็ช่วยเหลือประชาชน จนสุดท้ายทหารก็มาแตกคอและฆ่าตัวเอง จนสุดท้ายก็ตั้งเป็นกลุ่ม WLF ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้คน ซึ่งทั้ง WLF และ Seraphites ก็ดันอยู่ใกล้ ๆ กันและแทนที่ทั้งสองฝ่ายจะญาติดีกันร่วมมือกันเพราะเป็นผู้รอดชีวิต แต่ทั้งสองฝั่งดันมาฆ่ากันเองเฉย ซึ่งตรงนี้ เจสซี่ เคยพูดถึงมาแล้วในตอนที่ 2 นั่นคือสิ่งที่เราพอจะบอกได้ตอนนี้ และนั่นคือสิ่งที่เอลลี่กับดีน่าจะต้องเจอในการเดินทางครั้งนี้ เพราะทั้งคู่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามระหว่าง Seraphites กับ WLF แบบไม่ตั้งใจ ที่บอกเลยว่ามันจะชวนปวดตับและบานปลายแบบสุด ๆ กว่านี้ติดตามดูได้เลย

อ่านมาถึงตรงนี้ใครที่สนใจอยากดูแบบพากย์ไทยเสียงชัด ๆ ถูกต้องลิขสิทธิ์ก็ไปดูได้ทางช่อง HBO ได้เลย ที่นั่นมีซีรีส์และหนังดี ๆ เยอะมาก ๆ รับรองว่าคุ้ม และถ้าจะดูแนะนำพากย์ไทยเพราะถึงอกถึงใจถึงกึ๋นมาก ๆ พากย์ไทยจัดเต็มแบบสุด ๆ คำด่าไม่มีกั๊กดูแล้วต้องชอบ หรือถ้าอยากรู้เนื้อเรื่องว่าจะเป็นยังไงต่อไปก็ไปลองเล่นเกมดู แล้วคุณจะรู้ว่าต่อไปจากนี้มันจะปวดตับมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า