ผลทดสอบประสิทธิภาพ AMD ryzen 9 3900XT ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และราคาแทบไม่ต่าง

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2563 18 นาฬิกา 41 นาที 10 วินาที เวลาอินโดจีน

Rezett

เปิดวางจำหน่ายให้ซื้อกันแล้ว กับ AMD Ryzen ซีรี่ย์ 3000 ตัว XT รุ่นล่าสุดของ CPU AMD ที่มีการอัพเกรด Boost Clock มาใหม่ ซึ่งทาง 4Gamers ไต้หวันก็ได้มีโอกาสเทส Ryzen 9 3900XT ซึ่งเป็นตัวสูงสุดของไลน์อัพรอบนี้ด้วย แต่ก่อนจะไปดูประสิทธิ์ภาพ เรามาพูดถึงสเปคของสินค้ากันก่อนดีกว่า

รุ่นของ CPU	Core/ thread	Basic clock	Boost clock	การใช้พลังงาน	ราคา
Ryzen 9 3950X	16/32	3.5 GHz	4.7 GHz	105W	US$749
Ryzen 9 3900XT	12/24	3.8 GHz	4.7 GHz	105W	US$499
Ryzen 9 3900X	12/24	3.8 GHz	4.6 GHz	105W	US$499

Ryzen 7 3800XT	8/16	3.9 GHz	4.7 GHz	105W	US$399
Ryzen 7 3800X	8/16	3.9 GHz	4.5 GHz	105W	US$399
Ryzen 7 3700X	8/16	3.6 GHz	4.4 GHz	65W	US$329

Ryzen 5 3600XT	6/12	3.8 GHz	4.5 GHz	95W	US$249
Ryzen 5 3600X	6/12	3.8 GHz	4.4 GHz	95W	US$249
Ryzen 5 3600	6/12	3.6 GHz	4.2 GHz	65W	US$199

Ryzen 3 3300X	4/8	3.8 GHz	4.3 GHz	65W	US$120
Ryzen 3 3100	4/8	3.6 GHz	3.9 GHz	65W	US$99

โดยปกติแล้ว CPU Ryzen ของ AMD จะมีแค่ตัว ###0 และ ###0x เท่านั้น แต่รอบนี้ได้มีการเพิ่มตระกูล XT เข้ามาด้วย โดยมีใจความสำคัญคือการเพิ่ม Boost Clock ให้มากกว่าเดิม แต่ยังคงขายในราคาเดียวกับตัว X ซึ่งจะทำให้เกมเมอร์อย่างเราๆ ได้ของที่คุณภาพดีขึ้น ในราคาเท่าเดิม

(อย่างไรก็ตาม แม้ราคากลางของ X และ XT ที่ตั้งมาจะเท่ากัน ก็ราคาของทั้ง 2 รุ่นนี้อาจจะมีความต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับร้านค้าที่ขาย)

ส่วนการทดสอบในวันนี้ เราจะนำ Ryzen 9 3900XT ซึ่งเป็นตัวสูงสุดของไลน์อัพรอบนี้แสดงประสิทธิภาพให้ดูกัน โดยเราจะนำไปเปรียบเทียบกับ Ryzen 9 3900X ซึ่งออกมาก่อนหน้า และรุ่นใหญ่ของอีกค่ายอย่าง Intel Core i9-10900K ซึ่งมีราคาใกล้เคียงกัน โดยมีสเปคของเครื่องดังนี้ครับ

สเปคเครื่องที่ใช้ทดสอบ

Motherboard (AMD): ASUS ROG Crosshair VIII Formula
Motherboard (Intel): ASUS ROG Maximus XII Hero
Memory: Kingston HyperX Predator DDR4-3600 16GBx2
Graphics: NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition
Storage: Samsung 970 EVO Plus NVMe M.2 SSD 1TB
Power supply: Antec High Current Pro HCP-1200W

ทดสอบกับการเล่นเกม

ภาพรวมของการเทสกับเกม การเพิ่ม Boost Clock มา 100 MHz ของ Ryzen 9 3900XT ไม่ได้สร้างประสิทธิภาพที่ทิ้งห่างรุ่นก่อนหน้ามากนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นเกม Shooting ที่คนเล่นอยากได้ FPS หนักๆ หรือเกม AAA ที่กินสเปคเครื่อง เจ้า Ryzen 9 3900XT ก็มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าทั้งสิ้น

และถึงแม้ผลทดสอบจะดูเป็นรอง Core i9-10900K อยู่บ้าง แต่เมื่อเราดูการทดสอบกับภาพระดับ 4K ก็ต้องบอกว่าความต่างของ CPU สองตัวนี้ใกล้เคียงกันมาก ยิ่งขนาดภาพหนักเท่าไหร่ CPU ตัวนี้ก็ยิ่งแสดงประสิทธิได้ดียิ่งขึ้น

การเรนเดอร์และการประมวลผล

ในรอบนี้เราได้นำ Ryzen 9 3900XT ไป Overclock ให้เป็น 4.4 GHz มาเพื่อทดสอบด้วย และเมื่อเปรียบเทียบผ่านโปรแกรม 4 ตัว จะเห็นว่า การเรนเดอร์และประมวลผลวิดีโอของ Ryzen 9 3900X และ Ryzen 9 3900XT ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ก็ยังชนะ Core i9-10900K อยู่หลายช่วงตัว ด้วยจำนวน Threads ที่มากกว่า และการวัดผลแบบ Core ต่อ Core ด้วย Clock ที่ถูกปรับแต่งมา ก็ทำให้ผลทดสอบออกมาไม่ต่างกันมากนักด้วย

แต่จุดที่ต้องพูดถึงก็คือ การประมวลผลวิดีโอแบบ 4K ด้วย HEVC ของ Adobe Premiere Pro ในรูปสุดท้าย ที่ฝั่ง Ryzen 9 3900X และ Ryzen 9 3900XT ยังเป็นรอง Core i9-10900K อยู่ แม้ว่าการ Overclock จะทำให้ประสิทธิภาพแซงไปได้ แต่ก็ถือเป็นความแตกต่างที่เห็นผลพอควรเหมือนกัน

ความร้อนและการใช้พลังงาน

จากการทดสอบพบว่า Ryzen 9 3900XT นั้นร้อนน้อยกว่า Ryzen 9 3900X แม้ว่าอัตราการกินพลังงานจะมากกว่าเล็กน้อยก็ตาม และยิ่งถ้าเทียบกับ Core i9-10900K ที่ใช้เทคโนโลยีแบบ 14nm ก็ยิ่งเห็นความต่างอย่างชัดเจน

ข้อสรุป

ถ้าซื้อมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ ตอนนี้ Ryzen 9 3900X และ Ryzen 9 3900XT ยังไม่ได้มีความแตกต่างชนิดที่เห็นผลชัดเจนมากนัก (แค่ราวๆ 2% ขึ้นอยู่กับเกม) ซึ่งถ้าเทียบกับ i9-10900K ในการเล่นเกม วัดผลด้วยประสิทธิภาพล้วนๆ ยังไงฝั่ง Intel ก็ยังคงเป็นผู้ชนะในศึกนี้อยู่ดี

แต่ในเรื่องของราคา ตัดประเด็นเรื่องราคากลางออกไป ตอนนี้หน้าร้านต่างๆ ตั้งราคา i9-10900K แพงกว่า Ryzen 9 3900XT อยู่ 600-1000 บาท และ Ryzen 9 3900X ในหลายๆ ร้านก็มีราคาที่ต่ำกว่าเดิมลงไปอีก ส่วนราคาบอร์ดตอนนี้ก็มี AMD B550 มาเป็นตัวเลือกให้กับเกมเมอร์งบปานกลาง ทำให้ Ryzen 9 3900X และ Ryzen 9 3900XT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตอนนี้มาก

ข้อสรุปจากเราก็คือ ผู้ซื้อสามารถเลือก i9-10900K ได้ หากต้องการประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในช่วงราคาที่ใกล้ๆ กัน ซึ่งก็ต้องแลกมากับราคาที่แพงกว่าเล็กน้อย และการกินไฟและความร้อนที่สูงขึ้น ส่วนทางด้าน AMD ก็มีจุดแข็งด้วยจำนวน Threads ที่มากกว่า มีผลมากทีเดียวในการทำงานหลายๆ อย่างที่ไม่ใช่การเล่นเกม รวมถึงความร้อนและการกินพลังงานที่น้อยกว่า Intel อย่างชัดเจนด้วย

Tags: #ข่าวไอที #AMD

News