เป็นปัญหาโลกแตกของพ่อบ้านเกมเมอร์มาทุกยุคทุกสมัย กับการเล่นเกมในห้องนอนที่มีแฟนอยู่ด้วย แล้วคีย์บอร์ดเกมมิ่งของเรามันเสียงดังเหลือเกิน จะให้เปลี่ยนไปใช้แบบปุ่มยาง Membrane ก็ไม่ไหว ฟีลลิ่งมันไม่ถูกใจ ยิ่งถ้าไม่ใช่เกมมิ่ง ออปชั่นที่อยากได้อยากใช้ก็ไม่มี จะหาคีย์บอร์ดที่เป็นทั้งเกมมิ่งและเงียบในเวลาเดียวกันนั้นดูช่างยากเสียเหลือเกิน แต่ในวาระนี้ที่ผู้เขียนกำลังหาคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่เจ๋งแต่เงียบอยู่เหมือนกัน ดังนั้นวันนี้คอลัมน์แรกของ 4GamersChoice เราจะมาแบ่งปันข้อมูลดีๆ กันครับ
1. Logitech G413
เริ่มกันด้วยแบรนด์ดังที่เป็นรุ่นเล็กกันก่อนเป็นอันดับแรก กับคีย์บอร์ดที่เรียกได้ว่าเงียบโดยที่ยังให้ฟีลและฟังชั่นที่เป็นเกมมิ่งอยู่ โดย Logitech G413 มีจุดเด่นคือใช้ปุ่มของทาง Logitech ที่เรียกว่า ROMER-G ที่ถึงแม้จะออกจำหน่ายมาหลายต่อหลายปี จนมีรุ่นน้องอย่างปุ่มรุ่น GL มาแล้ว แต่ความเจ๋งเรื่องเสียงที่เงียบของรุ่นนี้ก็ยังทำให้คีย์บอร์ดรุ่นนี้น่าใช้อยู่ดี
ฟีลลิ่งการกดโดยทั่วไปจะเหมือนกับ Red switch ตัวคีย์บอร์ดมีฟังชั่นเรื่องการตั้งค่าปุ่มครบถ้วน และการตอบสนองในการกดที่เร็วและแม่นสมกับเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่ง และด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก จึงเป็นคีย์บอร์ดรุ่นแรกๆ ที่เราอยากแนะนำครับ
อย่างไรก็ตามทาง Logitech เขาก็มี รุ่นที่เป็น GL ซึ่งปุ่มกดจะตื้นกว่า และ GX ที่เป็น Mechanical Switch แบบปกติด้วย แฟนค่ายนี้สามารถลองไปดูรุ่น G512 และ G815 ไว้เป็นตัวเลือกได้เช่นกันนะครับ
2. CORSAIR K68 (Red Switch)
เดิมทีคีย์บอร์ดของ CORSAIR รุ่นที่ฮิตและเป็นที่นิยมคือ K70 ซึ่งจะมีวัสดุและและความสวยงามทีเหนือกว่า แต่สาเหตุที่เราแนะนำรุ่นนี้ เพราะในแง่ของราคาซึ่งอยู่ในช่วงไม่เกิน 3,000 บาท กับการได้ Cherry MX ของแท้ได้มาตรฐานแบบนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีงามเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าตัววัสดุหลักๆ จะใช้เป็นพลาสติกไม่ใช่อลูมิเนียม และลักษณะการลอยของปุ่มจะแตกต่างจากรุ่นที่แพงกว่า แต่ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่คุณเลือกซื้อคีย์บอร์ดละก็ เจ้าตัวนี้จะถูกใจคุณแน่นอนครับ
ในเรื่องความเงียบ ด้วยความที่เป็น Cherry MX Red แท้ๆ เราคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องฟีลลิ่ง น้ำหนักและเสียงในการกดกันแล้ว (เพราะจริงๆ แล้ว Cherry MX จะเป็นมาตรฐานตั้งต้นในการเปรียบเทียบสวิตช์ของคีย์บอร์ดรุ่นอื่นๆ เสียมากกว่า)
แต่อย่างที่บอกไปว่า พื้นระนาบของคีย์บอร์ดรุ่นนี้ จะไม่ได้เป็นแบบระนาบเดียว ดังนั้นอาจจะไม่ได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ เหมือนคีย์บอร์ดปุ่มลอยรุ่นอื่นๆ แล้วก็ตัววัสดุที่เป็นพลาสติค ถ้าหากให้อยากจะได้การเก็บรายละเอียดที่ดีขึ้น ทาง CORSAIR เขาก็มีรุ่นอัพเกรด เป็น K70 และ K95 ให้ซื้อกันด้วยนะครับ
3. RAZER BLACKWIDOW (Yellow Switch)
สำหรับสาวกงูเขียว ตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คงจะเป็น Yellow Switch ซึ่งเทียบได้กับ Red Switch ของทาง Cherry MX ซึ่งส่วนตัวแล้วจากที่ตามข่าวสวิตช์ของค่ายนี้มา น่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้มีโอกาสไปซื้อหรือลองใช้ Orange Switch ที่เขาว่าให้ฟีลการกดที่ไม่ได้เป็นเส้นตรง แต่ก็ยังคงความเงียบเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อยากได้งูเขียวที่ไม่ส่งเสียงดัง ก็อยากให้ไปลง Yellow Switch ของเขาดูก่อน โดยค่าตัวของ RAZER BLACKWIDOW ในตอนนี้ อยู่ที่ราวๆ 4,000 บาทครับ
ด้านความสามารถเสริมคงไม่ต้องพูดถึงยังไงค่ายนี้เขาก็จัดเต็มอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากจะได้คีย์บอร์ดที่ทำความสะอาดง่ายๆ เท่าที่เรารู้ตอนนี้รุ่นที่ปุ่มลอยจะมีแต่ HUNTSMAN เท่านั้น (ซึ่งจะเป็นปุ่มแบบ Optical ซึ่งจะให้เสียงและฟีลลิ่งคนละแบบ) แต่ถ้าใครเป็นสายสะอาดสะอ้าน ไม่กินขนม ไม่มีรังแค และเป็นสาวกค่ายเขียวตัวยง ต่อให้เราไม่บอก ก็ต้องเลือก RAZER BLACKWIDOW อยู่แล้วสินะ
4. SteelSeries Apex Pro
แม้ว่าราคาจะดีดขึ้นมาจากรุ่นก่อนๆ ที่เราแนะนำมา แต่ด้วยความที่มันเป็นเทคโนโลยีใหม่ และนับว่าเป็นสวิตช์ที่เงียบสำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากคุณไม่มีปัญหาเรื่องราคาที่โหดแบบมหากาฬ นี่คือคีย์บอร์ดที่เราอยากให้คุณไปลองกดไปลองทำความรู้จักกับมันสักครั้ง (ค่าตัวประมาณ 9,000 บาท)
เทคโนโลยีของคีบอร์ดตัวนี้คือการใช้ "สนามแม่เหล็ก" มาเป็นตัวทริกเกอร์การกดของเรา ต่างจากการใช้เซ็นเซอร์แสงหรือการใช้แผ่นทองแดงมาสัมผัสกัน แบบสวิตช์ของคีย์บอร์ดตัวอื่นๆ ในตลาด ซึ่งการที่มันเป็นเทคโนโลยีใหม่ล้ำนี้เองทำให้สวิตช์และค่าตัวของมันแพงมหาศาล ซึ่งข้อดีของมันคือการที่สามารถเซ็ตน้ำหนักการกดของแต่ละปุ่มได้แบบอิสระ อยากให้การกดแสดงผลที่น้ำหนักแบบไหนก็สามารถเลือกได้ และความทนทานของการกดก็เพิ่มขึ้นด้วย (ตามที่ SteelSeries เขาโฆษณาไว้ล่ะนะ)
จากศักยภาพของตัวสวิตช์นี้เอง ที่ทำให้คีย์บอร์ดตัวนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจ ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ของ SteelSeries Apex Pro ในฐานะคีย์บอร์ดเกมมิ่งก็ถือว่าครบถ้วน อย่างไรก็ตามสวิตช์ Omnipoint ยังไม่มีรุ่นที่เป็นราคาเบาๆ ให้เลือกซื้อ เหล่าสาวก SteelSeries ที่อยากได้คีย์บอร์ดเงียบๆ แต่ราคาเอื้อมถึง ก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปดูรุ่น SteelSeries Apex 7 ที่เป็น Mechanical ปกติ หรือไปลอง SteelSeries Apex 3 ทีเ่ป็นปุ่มแบบ Membrane ไปเลย
5. HyperX Alloy FPS / ASUS ROG Strix / อื่นๆ
แม้ว่าในยุคนี้ Cherry MX จะถูกลดความสำคัญในฐานะมาตรฐานกลางของคีย์บอร์ดไปบ้างแล้ว หลังจากค่ายใหญ่ๆ อย่าง SteelSeries, Razer หรือ Logitech เริ่มทำสวิตช์ในแบบของตัวเอง รวมถึงการเข้ามาของ Optical Switch ที่ใช้เซ็นเซอร์แสงในการทริกเกอร์ในคีย์บอร์ดหลายๆ รุ่น แต่ตัวสวิตช์ Cherry, Kailh, Gateron MX หรืออื่นๆ ก็ยังมีอยู่ในคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นต่างๆ ที่เรายังหาซื้อได้ในปัจจุบัน
การเลือกคีย์บอร์ดแบรนด์เหล่านี้ หรือน้ำหนักในการกดและเสียงอาจจะไม่ได้ต่างกันมากมายนัก รายละเอียดของแต่ละรุ่นก็แตกต่างกันไป โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการปรับ RGB การเล่นกับมัลติมีเดียและการตั้งค่าปุ่มคีย์ลัดมาโครต่างๆ (อย่างเช่น ASUS ที่สามารถตั้งค่าไฟ RGB ด้วย ASUS Aura Sync ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้เป็นต้น) แต่ในเรื่องของเสียงอาจจะไม่ได้มีดีเทลที่แตกต่างกันไปมากนัก หากเลือกตัวที่เป็น Red Switch หรือชนิดที่ออกแบบมาในมาตรฐานเดียวกัน
ราคาของคีย์บอร์ดเหล่านี้ก็จะอยู่ในช่วงราคาที่ใกล้ๆ กันคือ ตั้งแต่ 2,000-4,000 เป็นต้นไป รุ่นต่างๆ ที่เราจะจะพอแนะนำได้ก็ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
สุดท้ายแล้วคีย์บอร์ดกำลังอยู่ในช่วงที่ Optical Switch กำลังถูกพัฒนาออกมาเรื่อยๆ และน่าจะมีตัวเลือกในตลาดออกมาหลากหลายขึ้นในช่วง 2-5 ปีข้างหน้า จากการที่เทคโนโลยีไม่ต้องมีข้อจำกัดเดิมๆ หลายอย่างอีกต่อไป แต่เนื่องจากเกมเราต้องเล่นวันนี้ และแฟนของเราก็ต้องนอนทุกวัน
ดังนั้นแทนที่จะรอกันอีกหลายปี คอลัมน์ 4GamersChoice ขอแนะนำว่าซื้อก่อนเลยดีกว่าครับ จะเลือกรุ่นที่เป็น Red Switch มาลองใช้กันก่อน หรือจะไปลอง ROMER-G ของ Logitech และ Omnipoint ของ SteelSeries ไว้เป็นทางเลือกก็ได้ครับ