ใกล้จะวางจำหน่ายเข้ามาทุกทีแล้วสำหรับเครื่อง PlayStation 5 คอนโซลยุคใหม่ที่หลายคนรอคอย โดยถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตามข่าวและข้อมูลที่ออกมาโปรโมทกันรัวๆ ในช่วงนี้ ฝั่งประเทศไทยของเราก็จะออกมาวางจำหน่ายช่วงปลายปีพร้อมกับทั่วโลกแน่นอน แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างที่ถูกพูดถึงกันมากก็คือ คอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense ที่ล่าสุดแม้กระทั่งวิดีโอโฆษณาที่ปล่อยออกมาตัวแรกก็ยังเน้นความสามารถของจอย PlayStation 5 แบบเต็มพิกัด
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของจอย DualSense ก็หนีไม่พ้นฟีเจอร์ haptic feedback และ adaptive triggers ที่ sony หมายมั่นใส่ฟีเจอร์ใหม่นี้เข้ามาเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเล่นเกมให้แก่สาวก PlayStation ได้สัมผัสความสมจริงมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจะไปดูรายละเอียดของ 2 ฟีเจอร์นี้กันว่ามันเจ๋งอย่างไร
haptic feedback ระบบสั่นแบบใหม่เพิ่มมิติความสมจริง
โดยปกติแล้วจอย DualShock ของเก่าจะใช้ระบบการสั่นแบบ Rumble ที่จะมีทั้งแบบสั่นเบา สั่นแรง หรือระยะเวลาในการสั่น ซึ่งโอเคมันช่วยให้เราดูตื่นเต้นและรู้สึกอินไปกับเกมในขณะที่ถือจอยบังคับอยู่ แต่สำหรับจอย DualSense ของ PlayStation 5 จะใช้มอเตอร์การสั่นแบบ haptic Feedback ซึ่งช่วยทำให้ประสบการณ์การสั่นระหว่างเล่นเกมจะแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพวกเกมแข่งรถหรือกีฬาต่างๆ
จากการให้สัมภาษณ์โดยนักพัฒนาเกมที่เอาฟีเจอร์ haptic feedback มาใช้งานกับเกมของตัวเอง ทำให้เราทราบเพิ่มขึ้นมาว่า การสั่นจะสมจริงขึ้นมีหลายรูปแบบขึ้น เช่น การสั่นไล่จากทางด้านซ้ายไปขวาเวลาเรากดใช้ฟลังสายฟ้าใน Marvel’s Spider-Man: Miles Morales เพื่อให้รับรู้ถึงประจุพลังงานไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งการสั่นในทิศทางต่างๆ ของจอยเพื่อให้เรารับรู้การโจมตีผ่านทางระบบสั่นบนจอยนี้เหมือนกับพลัง spider-sense จริงๆ แน่นอนในเกมต่อสู้หรือ Action ต่างๆ เราจะรับรู้ถึงการสั่นในการโจมตีหรือเหล็กปะทะเหล็กได้มีมิติและสมจริงขึ้นเช่นกัน
adaptive triggers สัมผัสแรงต้านและความตึงเครียดแบบสมจริง
การกดปุ่ม L2 R2 ของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ปกติหลายเกมใช้ปุ่ม R2 หรือปุ่ม triggers ที่อยู่ข้างหลังสำหรับใช้ในการยิงปืนบ้าง ยิงธนูบ้าง หรือการกดเป็นปุ่มคันเร่งในเกมแข่งรถ ซึ่งมันก็มีแค่นั้นไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร แต่จอย DualSense ของ PlayStation 5 มีการใส่ระบบ adaptive triggers เพิ่มเข้ามาทำให้มีลูกเล่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่เผยออกมาและตัวอย่างต่างๆ ที่มีให้เห็น สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือปุ่มนี้มันจะมีแรงตึงเครียดเข้ามา ทำให้การกดค้างหรือปล่อยปุ่มนั้นมีมิติและความสมจริงขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างการกดค้างไว้เพื่อยิงธนู จะทำให้เรารู้สึกถึงแรงต้านเหมือนกับกำลังง้างธนูอยู่จริงๆ
จากการให้สัมภาษณ์โดยนักพัฒนาเกม (อ่านข่าวได้ที่นี่) ทำให้เราเข้าใจฟีเจอร์ adaptive triggers มากขึ้น เช่น เกมแข่งรถใน Gran Turismo 7 ที่เอาระบบเบรก ABS มาใช้งานใน adaptive triggers เพื่อเวลาที่กดปุ่มไปแล้วในขณะที่กำลังเบรกจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงแรงต้านของเบรกแบบสมจริง หรือจะเป็นเกมยิงอย่าง Deathloop ที่การยิงปืนมีโอกาสทำให้กระสุนขัดลำกล้อง และเราจะไม่สามารถกดปุ่ม triggers ได้ เวลากดลงไปจะรู้สึกไม่ปกติจนกว่าที่เราจะแก้ไขให้ปืนกลับมายิงได้ปกติก่อนถึงจะกดยิงต่อไปได้ เป็นต้น
สรุปความน่าสนใจ
การมาของทั้ง haptic feedback และ adaptive triggers มันทำให้จอยที่อยู่ในมือเรานั้นน่าสนใจขึ้นมากจริงๆ ครับ ส่วนตัวแล้วคิดว่าสตูดิโอพัฒนาเกมต่างๆ สามารถเอาลูกเล่นและระบบใหม่ๆ นี้ไปใช้ในการพัฒนาร่วมกับเกมได้หลากหลายขึ้นมาก มันน่าตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้เล่นเกมบน Playstation 5 และให้ประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งการสั่นของจอยที่เป็นมากกว่าจอยที่สั่นได้เฉยๆ แต่กลับไล่ทิศทางและระดับในการสั่นได้ รวมไปถึงการกดปุ่ม triggers ซึ่งมีแรงต้านเข้ามาเกี่ยวข้อง การได้สัมผัสความแตกต่างในการกดยิงปืนกับการกดง้างธนูที่มีแรงต้านไม่เหมือนกัน การกดปุ่มคันเร่งบนถนนสนามแข่งปกติกับสนามแข่งวิบากที่มีหลุม โคลน แล้วมีแรงต้านที่แตกต่างกัน คือแบบแค่นี้ก็เตรียมเอาเงินผมไปได้เลยครับ...