แม้ในปีนี้งาน CES 2021 จะต้องจัดงานแบบออนไลน์แทนการจัดแบบปกติ แต่เหล่านักพัฒนานวัตกรรมทั้งหลายต่างก็เปิดตัวปล่อยของใหม่กันแบบเต็มที่เช่นกัน โดยเฉพาะ AMD ที่ในปีนี้จัดเต็มกับ CPU รุ่นใหม่ล่าสุดที่เน้นการพัฒนาเพื่อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาโดยเฉพาะ กับ Ryzen 5000U Series ที่มาพร้อมประสิทธิภาพอันสุดยอด
AMD เปิดตัว CPU รุ่นใหม่ที่พัฒนาด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 ในชื่อ Ryzen 5000U และ Ryzen 5000H Codename "Cezanne" ที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ โดยจะมาแทนที่ CPU รุ่น Ryzen 4000 ตัวเดิมที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบเก่า และแน่นอนว่าประสิทธิภาพที่ทำได้นั้นล้ำหน้ากว่ารุ่นเดิมไปหลายเท่าตัวทีเดียว
สำหรับ CPU ที่มีตัว U ต่อท้ายนั้นจะเน้นไปที่ความบางเบาพกพาได้สะดวก แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการใช้งานที่ไม่แพ้รุ่นใหญ่ๆ ส่วนรุ่นที่มีตัว H ต่อท้ายจะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงเพื่อการเล่นเกมและการสร้างสรรค์ผลงานแบบต่างๆ และทุกรุ่นนั้นจะใช้การผลิตแบบใหม่ 7nm ที่เล็กกว่าเดิม และมีความแรงมากขึ้นด้วย แน่นอนว่าความต่างในข้อแรกของ CPU Zen 3 ตัวใหม่นี้ก็คือราคาที่แพงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 19% จากรุ่นก่อนเช่นกัน
AMD Ryzen 9 5000H Series
เราลองมาส่องดูตัวท๊อปของรุ่นอย่าง AMD Ryzen 9 5980HX และ 5900HX กันก่อน ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ถูกวางตัวให้เป็นเรือธงของ AMD Zen 3 และเป็น CPU สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดบนเครื่องโน๊ตบุ๊ค โดยมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลทั้งหมด 8 Core 16 Thread มี L3 cache 16MB และ L2 Cache 4MB ทำความเร็ว Clock Speed ได้สูงสุด 4.60 GHz ซึ่งถือว่าแรงมากๆ สำหรับ CPU ที่ใช้งานบนเครื่องโน๊ตบุ๊ค
อีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการใส่ชิปประมวลผลด้านกราฟฟิก ที่มีการใส่ชิป GPU VEGA เข้ามาด้วย ทำให้ CPU รุ่น HX ทำงานได้ดีขึ้นไปอีก ทว่าก็แลกกับการบริโภคพลังงานและความร้อนที่มากกว่าเดิม โดย CPU ทั้งสองรุ่นนี้จะกินไฟอยู่ที่ประมาณ 45W ด้วยกัน และมีความแตกต่างในเรื่องของความเร็ว Clock Speed อยู่เล็กน้อย
AMD Ryzen 7 5000H Series
ตัวต่อไปเป็นรุ่นรองเรือธงที่ก็มีประสิทธิภาพดีไม่น้อยหน้ารุ่นใหญ่เช่นกัน โดย Ryzen 7 5800H นี้ก็ยังใช้สถาปัตยกรรมแบบ Zen 3 เช่นกัน ซึ่งถูกวางบทบาทให้มาแทนที่ชิปเซ็ต Ryzen 7 4700H ที่ใช้ Zen 2 ในตลาดตอนนี้ และก็มาพร้อมกับจำนวน Core และ Thread ที่เท่ากับรุ่นเรือธงคือ 8 Core 16 Threads นั่นเอง
ส่วนความเร็ว Clock Speed นั้นก็ลดลงมานิดหน่อย โดยมี Base Clock Speed ที่ 3.20GHz และมี Boost Speed ที่แรงถึง 4.20GHz ซึ่งก็นับว่ายังแรงไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน บวกรวมกับ L3 Cache 16MB และ L2 Cache 4MB ก็มั่นใจว่าแรงทะลุหลอดแน่นอน ส่วนอัตราบริโภคพลังงานก็ยังอยู่ที่ 45W เช่นเดิม
AMD Ryzen 5 5000H Series
ขยับมาดูรุ่นเล็กถึงกลางกันบ้าง สำหรับ Ryzen 5 5000H ที่ลดจำนวน Core และ Thread ลงมาที่ 6 Core 12 Threads แต่ความเร็วก็ยังแรงไม่น้อยเหมือนเดิม กับ Base Clock 3.30 GHz และ Boost Clock 4.20 GHz ส่วน L3 Cache ก็ยังมีไม่น้อยที่ 8MB และ L2 Cache 3MB
ส่วนการประมวลผลกราฟฟิกก็ยังมีชิป VEGA GPU ในการประมวลผล และการบริโภคพลังงานก็น้อยลงมาที่ 35W ซึ่งเหมาะสมกับความแรงในระดับนี้อยู่แล้ว
AMD Ryzen 7 5000U Series
เราลองมาดูรุ่นเล็กบางเฉียบกันบ้าง สำหรับ Ryzen 7 จะมีการใช้สถาปัตยกรรมในรุ่น Zen 2 เข้ามาด้วยในรุ่น 5700U ส่วนรุ่น 5800U จะใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 แบบใหม่ และยังจัดเต็มกับจำนวน Core และ Threads ถึง 8 Core 16 Thread เช่นเดิม
ส่วนความแรงนั้นก็ไม่ต้องห่วงไป แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อความเบาบาง แต่ความเร็ว Base Clock ของทั้งสองรุ่นก็ยังแรงในระดับที่รับได้ โดยเริ่มต้นที่ 1.9GHz ในรุ่น 5800U(1.8GHz ในรุ่น 5700U) และ Boost Clock ได้สูงสุดถึง 4.4GHz ซึ่งนับว่าสูงมากๆ เรียกว่าความแรงนั้นไม่ต้องเป็นห่วงกันเลย
AMD Ryzen 5 5000U Series
ขยับมาที่รุ่นกลางกับ Ryzen 5 5000U ที่แม้ความแรงจะลดลงไป แต่ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปเท่าใดนัก กับ Ryzen 5 5600U ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 แบบเต็มตัว มี Base Clock 2.30GHz และ Boost Clock 4.2GHz พ่วงท้ายมาด้วยชิปประมวลผลกราฟฟิก VEGA 7 ที่มี Stream Processor มากถึง 448 หน่วย ซึ่งเพียงพอต่อการเล่นเกมแบบไม่หนักหน่วงมาก หรือใช้งานทั่วไปได้แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังกินไฟไม่มากที่ 10-25W เท่านั้นอีกด้วย
ส่วน Ryzen 5500U นั้นจะยังใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 อยู่ แต่ก็มีความแรงไม่น้อยไปกว่ารุ่นอื่นๆ กับ Base Clock 2.10GHz Boost Clock 4.00GHz และชิปประมวลผลกราฟฟิก VEGA 7(448SP) เช่นกัน
AMD Ryzen 3 5000U Series
ปิดท้ายด้วยรุ่นเล็กสุด แต่ความสามารถไม่เล็กตามตัว กับ Ryzen 3 5400U(Zen 3) และ Ryzen 3 5300U(Zen 2) ที่มี 4 Core 8 Thread L3 Cache 8MB และ L2 Cache 4MB ส่วนความเร็วก็ไม่น้อยหน้า โดยมี Base Clock อยู่ที่ 2.60GHz Boost Clock 3.80GHz โดยชิปทั้งสองตัวมีหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Vega ที่มี Stream Processor 384 หน่วย เรียกว่าถ้าไม่ได้ใช้งานอะไรหนักหน่วงมากก็เพียงพอแบบเหลือๆ เลย
สำหรับกำหนดการคร่าวๆ ของการวางจำหน่ายโน๊ตบุ๊คที่ใช้ CPU Zen 3 รุ่นใหม่นี้จะอยู่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อื่นๆ เช่นการ์ดจอ RX 6700 Series ที่ใช้ชิป AMD RDNA2 ด้วยเช่นกัน น่าลุ้นว่าหลังจากนี้ AMD จะมีนวัตกรรมอะไรมาเขย่าวงการไอทีให้สะเทือนในปีนี้อีกบ้าง