Counter Strike ถือได้ว่าเป็นเกม First Person Shooting ที่อยู่คู่กับวงการเกมมานานหลายปี สร้างปรากฎการณ์หลายอย่างให้เกิดขึ้น แม้แต่ในบ้านเราเอง เกมนี้ก็เป็นตัวจุดชนวนให้ร้านอินเทอร์เนตคาเฟ่บูมขึ้นมาได้ในยุคหนึ่ง สูตร เทคนิคและการฟอร์มทีมแข่งขันก็ยังคงมีมาจนถึงทุกวันนี้
แต่ในวันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงประวัติของเกม แต่เป็นเรื่องของแผนที่ในโหมด Multiplayer ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังคงเป็นแผนที่โปรดของทุกคนมาจนถึงตอนนี้ นั่นก็คือ de_dust2 นั่นเอง
Dust II หรือ de_dust2 ที่เป็นชื่อจากไฟล์เกม เป็นแผนที่ในโหมด Defusing หรือกู้ระเบิด ที่ฝ่ายผู้ก่อการร้ายจะต้องไปวางระเบิดในจุดที่กำหนดให้ได้ ส่วนฝ่ายตำรวจก็ต้องป้องกันไม่ให้โจรเข้าไปวางระเบิด โดยจะเล่นกันในรูปแบบผลัดกันเป็นรอบ ถ้าปราบฝั่งตรงข้ามได้หมดหรือทำภารกิจสำเร็จฝ่ายนั้นก็จะได้คะแนนไป ซึ่งรูปแบบการเล่นเป็นรอบนี้นั้นสร้างความตื่นเต้นแบบใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเกมแนว FPS ที่เดิมทีมีเพียงแค่โหมด Deathmatch ยิงกันให้ตายไปข้างเท่านั้น
ซึ่งในเกมเวอร์ชั่นแรกนั้นหนึ่งใน Map ที่ได้รับความนิยมมากก็คือ de_dust ที่ทางทีมงานได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองในประเทศโมรอคโค เป็นเมืองในเขตร้อนทะเลทรายที่กำลังถูกคุกคามโดยผู้ก่อการร้ายอย่างที่ได้กล่าวไป ซึ่งมีสีสันสดใสมองเห็นชัดเจนในด้านนอก แต่ด้านในที่เป็นเหมือนอุโมงค์นั้นก็เป็นจุดปะทะที่ทั้งโจรและตำรวจต่างก็โรมรันใส่กันแบบไม่ยั้ง หรือหลบมุมยิงปืนสไนเปอร์ใส่ก็มีให้เห็นกันเป็นปกติ
จนกระทั่งในเดือนมีนาคมปี 2001 Dust II ก็ได้ฤกษ์ถูกอัปเดตเข้าไปในเกม โดยเป็นผลงานการออกแบบของ David Johnston ทีมต่อยอดมาจากแผนที่ Dust ตัวแรกสุด ซึ่งชื่อเรกที่ถูกตั้งไว้คือ "Dust III" แต่ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น Dust II ในภายหลัง โดยเขาได้ทำการออกแบบฉากใหม่โดยที่เน้นในเรื่องความเรียบง่ายและสมดุลของเกมเป็นหลัก และหลังจากที่ปล่อยออกมา ก็มีการแก้ไขบางจุดของแผนที่จนเป็นเหมือนทุกวันนี้นั่นเอง
ซึ่งลักษณะภายนอกของแผนที่นี้นั้นอาจดูเหมือนกับ Dust ตัวแรกสุด แต่จุดที่เปลี่ยนไปนั้นเรียกได้ว่าสร้างความประทับใจให้กับผู้เล่นทั่วโลกอย่างยิ่ง เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงวิธีเล่นและการออกแบบแผนที่ของเกมแนวเดียวกันนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
จุดเด่นของ Dust II นั้นคือการที่มันแผนที่แบบสามเลน มีจุดให้วางระเบิดทั้งหมดสองจุด โดยทุกจุดของแผนที่นั้นมีการเชื่อมถึงกันหมดไม่ว่าจะเริ่มเดินจากจุดไหนก็ตาม สำหรับฝ่ายบุกถ้าอยากรุกเร็วก็จะโรมเข้าจุด B หริอที่เราชอบเรียกกันว่า Rush B ทำให้ Tunnel เป็นจุดปะทะที่ทั้งสองฝ่ายได้ประลองฝีมือกันอยู่บ่อยครั้ง หรือเลนกลางที่สามารถวางกลยุทธได้มากมายจากหลายจุด และเลนที่ไปจุด A ก็วางกลยุทธุ์ได้หลายแบบอีกเช่นกัน
ด้วยการที่ทั้งฝ่ายบุกและฝ่ายรับสามารถวางแผนได้อย่างหลากหลาย แต่ทุกแผนล้วนสามารถแก้ทางได้ทั้งสิ้น ทำให้ Dust II นั้นได้รับความนิยมในกลุ่มผู้เล่นทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แม้จะมีแผนที่สนุก ๆ ให้เล่นมากมาย แต่ Dust II ก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกที่ทุกคนเลือกมาเล่นกันก่อนเสมอ ด้วยความที่ทุกจุดในแผนที่นี้มองเห็นได้ชัดเจน มีพื้นที่กว้างมากพอที่จะทำอะไรได้มากมาย ทำให้ปืนทุกกระบอกฉายแสงได้หมดจดในทุกพื้นที่
นี่คือตัวอย่างของการออกแบบแผนที่ในโหมด Multiplayer อันยอดเยี่ยม ที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเกมจนเป็นที่จดจำมากกว่าเดิม และเป็นแนวทางรวมถึงตัวอย่างที่ดีในการออกแบบแผนที่ในรูปแบบสามเลน กลายเป็นแผนที่คลาสสิกที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ประทับใจไม่รู้ลืม
ปัจจุบันนี้แผนที่ Dust II นั้นถูกถอดออกจากโหมด Competitive Pool ในเกม CS:GO แต่ก็มีโหมดแยกให้เลือกตามมาในภายหลัง ทำให้ตอนนี้โหมด Competitive ของเกมมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่เล่นกันแต่ในแผนที่เดิมซ้ำ ๆ กันอีกต่อไป แต่แน่นอนว่าหลายคนก็ยังคงคิดถึงความยอดเยี่ยมของ Dust II อย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน แม้จะมีแผนที่ใหม่อย่าง Inferno ที่ปรับปรุงต่อยอดมาจาก Dust II แล้วก็ตาม
แล้วสำหรับคุณล่ะ แผนที่ Dust II สร้างความทรงจำอะไรดี ๆ เอาไว้บ้าง อย่าลืมเล่าให้เราฟังกันด้วยล่ะ!!