ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเกม Final Fantasy VII เป็นเกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้เล่นทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 1997 ถึงปัจจุบัน อีกทั้งมันยังเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของ Final Fantasy อีกด้วย ซึ่งงานนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ใช่ผลงานกำกับ และ เขียนบทของ Yoshinori Kitase ไม่เพียงแค่ FFVII เท่านั้น แต่เขายังมีสุดยอดผลงานอีกมากมายในจักรวาล Final Fantasy และ วันนี้เขาก็ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราว และ รายละเอียดการสร้างเกม Final Fantasy VII ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความคลาสสิคบนเครื่อง PlayStation
Final Fantasy VII คือ The First
Final Fantasy VII เป็นเกมแรกในซีรีส์ Final Fantasy ที่ได้รับการเปิดตัวบนเครื่องเกม PlayStation เป็น Final Fantasy ภาคแรกที่ได้รับการสร้างออกมาในรูปแบบ 3D และ เป็นภาคแรกที่มีการสร้างคัตซีนในรูปแบบภาพยนต์ CG ที่ทำให้ทีมงานพัฒนาเกมสามารถเข้าถึงผู้เล่นได้ทั่วโลก และ มอบประสบการณ์การเล่นเกมรูปแบบใหม่อย่างแท้จริง
ผมพูดได้เลยว่า มันเป็นเกมที่พิเศษมาก ๆ ทั้งสำหรับแฟนเกม ทีมงาน Square Enix และ ผมซึ่งทำงานในฐานะผู้กำกับเกม ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ผู้เล่นสามารถสัมผัสประสบการณ์เกม Final Fantasy VII เวอร์ชันดั้งเดิมได้บน PS Now
Final Fantasy VII ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1997 แต่เนื้อหาของมันมีเสน่ห์เหนือกาลเวลา มันมีความเกี่ยวข้องกับทุกยุคทุกสมัย ผมคิดว่านั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตัวเกมยังคงมีแฟน ๆ ติดตามมากมายในปัจจุบัน และ ความจริงที่ว่าตัวเกมยังคงดำเนินต่อไปได้ในชื่อ Final Fantasy VII Remake Intergrade ต้องขอบคุณในความสนับสนุนของพวกเขาจริง ๆ
เรื่องราวที่มาของเกม Final Fantasy VII
ในช่วงระหว่างการพัฒนาเกม Final Fantasy VII วงการอุตสาหกรรมเกมเริ่มเปลี่ยนจาก 2D เป็น 3D โดยเน้นชื่อที่พัฒนาในโซนยุโรป และ อเมริกาเหนือเป็นหลัก ซึ่งตอนนั้นเราต้องการสร้างชื่อที่จะใช้ประโยชน์จากมิติใหม่นี้เพื่อทำให้ตัวละครและเรื่องราวมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าที่ผ่านมาในซีรีส์
เราเริ่มมีความสนใจใน 3D CG ด้วนเช่นกัน และ เรามีความปรารถนาที่จะสร้าง Final Fantasy ให้โดดเด่นมากขึ้นในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า และ เราสามารถบรรลุความทะเยอทะยานทั้งสองอย่างนี้ได้ ด้วยผู้เล่นใหม่บนตลาดเครื่องเกมคอนโซล PlayStation
การทำงานบน PlayStation
การทำงานบน PlayStation ครั้งแรกทำให้เราได้รับโอกาสที่ไม่เคยคิดมาก่อน หนึ่งในสิ่งที่ดีมากที่สุดก็คือ ความจุของแผ่น CD Rom (อย่างน้อยก็ในในตอนนั้นน่ะนะ) เราได้รวบรวม Final Fantasy VII ที่เต็มไปด้วยฉากคัตซีนจำนวนมาก ซึ่งช่วยปรับปรุงการเล่าเรื่อง และ ช่วยเรานำเสนอเรื่องราวที่มีรายละเอียดที่มากขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกันการทำงานกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มันก็สร้างความท้าทายกับเราด้วย
เกม CD Rom ส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาในการโหลดนาน เราจึงต้องทำงานอย่างหนัก และ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเวลาในการรอโหลดจะไม่น่าเบื่อเกินไปเมื่อถึงช่วงที่ต้องเปลี่ยนเข้าออกคัตซีน
คัตซีนเยอะ เงินเยอะ ปัญหาก็เยอะตามมา
ฉากคัตซีนมากมายในเกมมาพร้อมกับการเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะสำหรับผมเลยล่ะ ! เราได้คัดเลือกศิลปินมากมายจากวงการอุตสาหกรรมเพื่อมาทำฉากคัตซีนเหล่านี้ พวกเขามีวัฒนธรรมการทำงารที่แตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง และ ผมเองก็ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เหล่านั้น ทำให้เกิดความล้มเหลวหลายครั้งในการกำกับงานของพวกเขา
อย่างเช่น ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เมื่อคัตซีนฉากแรกตัดกลับมา พอผมเห็นอะไรแบบนั้นก็ทำให้เกิดไอเดียอื่น ๆ ขึ้นมา และ แนะนำให้เปลี่ยนศิลปินที่ทำฉาก ในวงการพัฒนาเกม สิ่งแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ทุกวันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่โลกของการทำ CG ! ผมไม่ได้ตระหนักว่าการถ่ายฟุตเทจใหม่แม้เพียงวินาทีเดียวเป็นงานที่ต้องใช้เงินมากถึงหลายล้านเยน ! บอกเลยว่ามันเป็นบทเรียนที่ยากที่จะเรียนรู้จริง ๆ
ตัวละครของเกม
เราทำงานกันหนักมาก มากจนไม่น่าเชื่อในระหว่างที่พัฒนาเกม เพื่อที่จะรวมคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จะกรตุ้นผู้เล่น และ สร้างวัฒนธรรมประเภท RPG อย่างเช่น ระบบ Materia ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถควบคุมความสามารถของตัวละครได้มากขึ้น และ สร้างตัวละครที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีเรื่องราวมิติของตนเอง ดังนั้นเมื่อตอนที่เกมวางจำหน่าย เรากังวลกับผลตอบรับอย่างมาก
ส่วนตัวแล้ว ตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดเลยก็คือ Vincent Valentine เพราะเขาเป็นตัวละครแนว Dark Hero ที่ตามปกติแล้วมักจะปรากฏตัวตามหนังสยองขวัญ และ เป็นประเภทตัวละครที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ Final Fantasy
ความสมหวังที่ล่าช้า
เป็นเรื่องโชคดีที่ Final Fantasy VII ได้รับความนิยม จากข้อมูลยอดขาย ผมเห็นว่ามันสามารถทำยอดขายทีดีทั่วโลก แต่ตอนนั้นเราไม่มีโอกาสที่จะได้ตอบโต้กับแฟนเกมจากทั่วโลก ผมเลยไม่รู้จริง ๆ ว่ามันออกมาดีแค่ไหน ผมเพิ่งจะเข้าใจในอีก 5 ปีต่อมา ก็คือปี 2002 ที่เราเปิดตัวเกม Final Fantasy X บนเครื่อง PlayStation 2
ผมได้มีโอกาสไปทัวร์โปรโมททางยุโรปกับอเมริกาเหนือครั้งแรก และ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสพบปะกับแฟน ๆ ต่างชาติ ซึ่งพวกเขาหลายคนเอาแผ่นเกม Final Fantasy VII มาให้ผมเซ็นด้วย นั่นคือตอนที่ผมรู้สึกได้ถึงระดับความสำเร็จของเราเป็นครั้งแรก อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่น่าจดจำและ พูดถึง
ความคิดสุดท้าย
ผมดีใจที่เทคโนโลนีสตรีมมิ่งในปัจจุบันสามารถทำให้ผู้คนเล่นเกมคลาสสิคในอดึตได้ทุกเมื่อที่ต้องการ สำหรับ Final Fantasy VII ผมคิดว่ามันยังมีอะไรให้เล่นอีกมาก ภาพภายในเกมอาจจะให้ความรู้สึกคลาสสิค โมเดลโพลิกอนยังคงมีที่ว่างสำหรับผู้เล่นในการเติมเต็มสิ่งต่าง ๆ ด้วยจินตนาการของพวกเขา ผมหวังว่าคุณจะยังสนุกสนานไปกับเกม และ รู้สึกถึงบรรยากาศของยุคที่ตัวเกมเปิดตัวครั้งแรกนะ !