หลังจากพึ่งพบเจอเหตุการณ์สุดช็อกในรายการ 2023 VALORANT Challengers Thailand - Split 2 รอบ Playoffs ที่ทางสังกัดตัวเต็งอย่าง MiTH ได้พ่ายแพ้ให้แก่สังกัดชื่อดัง FULL SENSE โดยสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดของบทสรุปการแข่งขันในวันแรกแบบย้อนหลังได้ที่บทความนี้
ในด้านปูชนียบุคคลของวงการ FPS อย่าง คุณ Voo ก็ได้ออกมาไลฟ์ประจำวัน เพื่อเล่นเกม VALORANT ร่วมกับน้อง ๆ ในกลุ่ม (ลิ้งค์นี้) จึงทำให้มีผู้ชมเข้าไปร่วมสอบถามถึง " เหตุผลที่ทำให้ MiTH พ่ายแพ้ต่อ FULL SENSE " ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมายืนยันว่า
" เรื่องนี้ต้องถาม Leaf (Coach ของ MiTH ) เพราะ ผมไม่ใช่ Coach เป็นเพียงแค่คนคอย Support และ แนะนำในบางเรื่องเท่านั้น "
" แต่ถ้าถามในมุมมองส่วนตัวของผมคิดว่า " น้อง ๆ กดดันตัวเอง " จึงทำให้เกิดเป็น Domino Effect (ผลกระทบเล็กน้อยที่ต่อเนื่องกัน จนทำให้ทุกอย่างพังหมด) "
" เรื่องของแผน และ เรื่องการยิงไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ เลย "
" แต่การแข่งขันครั้งนี้มีเรื่องของ " การเดิมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง " (การเป็นตัวแทนเพื่อเข้าแข่งขันในระดับ Ascension ) จึงทำให้น้อง ๆ แบกรับความกดดันนี้ "
" แน่นอนว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นเรื่องปกติของการแข่งขัน จึงทำได้แค่รอให้ทีมงานหลังบ้านจัดการปัญหานี้ต่อไป "
หรือจะเป็นมุมมองของอดีตนักแข่งขันชื่อดังอย่าง MickiePP ก็ได้ออกมากล่าวถึงการแข่งขันในคู่ของ MiTH vs FULL SENSE ภายใน Live ของตัวเองเอาไว้คร่าว ๆ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ (เริ่มตั้งแต่นาทีที่ 1:41:12 เป็นต้นไป หรือ ลิ้งค์นี้)
" MiTH เหมือนกำลังพยายามจะเล่น Comp แบบ Outmeta (ตัวละครที่ไม่ได้รับการยอมรับจาก League Tier S เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ทีม ) "
" ยกตัวอย่างในแผนที่ Haven มีการหยิบ Skye มาแทนที่ Breach ซึ่งตัวละครดังกล่าวมันไม่ได้แย่ แต่การเล่นในรูปแบบ Retake เอเจนท์อย่าง Breach สามารถทำได้ดีกว่า"
" รวมถึงการหยิบ Gekko แม้ว่าหลาย ๆ ทีมจากทุกโซน เช่น EU หรือ NA จะพยายามเล่นเอเจนท์ดังกล่าวกันอยู่บ้างก็ตาม " ซึ่ง MickiePP ต้องการจะสื่อว่าสุดท้าย Gekko ก็ยังเป็นตัวละคร Outmeta อยู่ดี
" การเปลี่ยนแปลงตัวส่งของ ทำให้ตำแหน่งตัวยิงเล่นยากขึ้นกว่าเดิม " ยกตัวอย่างเช่น การปล่อยของเพื่อ Blind ศัตรู แต่ในกรณีของ Dizzy ของ Gekko ถ้าสามารถหลบได้ หรือ ยิงสกัดไว้ได้ทัน จะทำให้การส่งของนั้นไร้ผล จนอาจจะส่งผลให้ Duelist หรือ คนตามเทรด ไม่สามารถเอาศัตรูลงในจุดนั้นได้
นอกจากนี้ถ้าย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางช่อง Youtube ของ FULL SENSE ได้มีการอัปโหลดวิดีโอ " FULL SENSE TALK EP.7 " ซึ่งภายในวิดีโอได้มีการวิเคราะห์ถึงศึกใหญ่ของ FULL SENSE vs MiTH จากเหล่า Content Creator , อดีต Coach ชื่อดัง Obibea และ hAx0R ซึ่งรับหน้าที่ Coach ของ Attack All Around โดยมีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้ (ลิ้งค์นี้)
- Obibea เปิดเผยว่าต้องทำงานหนักมากขึ้น เมื่อต้องเจอกับ MiTH จึงซ้อมแบบไม่หยุดไม่หย่อน พร้อมประกาศว่า " ระวังตัวไว้ Leaf "
- Obibea เปิดเผยว่าจุดอ่อนของ FULL SENSE คือ ประสบการณ์น้อยกว่า MiTH เยอะมาก
- แต่นอกจากเรื่องซ้อมก็คือการทำให้ Mental (สภาพจิตใจ) ของทีมให้ดีขึ้นกว่าเดิม
- Obibea ยอมรับว่าการมี Coach สองคน หรือ สามคนดีมาก เพราะ ทำให้พวกเขาชี้จุดอ่อน เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดให้แก่ทีมได้มากขึ้น
- รวมถึงพยายามสร้างความรู้เกี่ยวกับเกมให้แก่ผู้เล่นในทีม เพื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้ภายในเกมได้มากขึ้น
- MiTH เป็นทีมที่ชอบเล่นในรูปแบบ Standard และ เล่นได้อย่างมีระบบสุดในตอนนี้
- แล้วเมื่อทีมมีประสบการณ์น้อยกว่า ดันพลาดแพ้ไปก่อน 1 วิน จะทำให้เกิดเหตุการณ์ Snowball จนแพ้ทบไปเรื่อย ๆ
- Obibea จึงพยายามแก้ปัญหาให้น้อง ๆ เพื่อจะสติไม่หลุดระหว่างเกม ถึงแม้ว่าจะเล่นพลาดก็ต้องรีบดึงตัวเองให้กลับมาในเกมตรงหน้าได้ไวที่สุด
- ทาง hAx0R ซึ่งเป็น Coach ของ Attack All Around เปิดเผยว่าวิธีการแก้ปัญหาเมื่อเจอ MiTH ที่มักจะเล่นแบบ Standard คือ การจัด Comp แหวกแนว หรือ การเล่นที่แตกต่างจากเดิม
- ล่าสุด FULL SENSE ก็เลยจัด 3 Duelist ในแผนที่ Fracture ใส่ไปที จนทำเอา MiTH เป๋เดินไม่เป็นเลยทีเดียว
- สุดท้าย Obibea ได้มีการกล่าวชม พร้อมเปิดเผยว่าการที่ MiTH เสริม PTC เข้ามา ทำให้ผลงานของทีมไม่ค่อยแกว่งนัก เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงกลางเกมมี PTC คอยช่วยเสริมเติมแต่งให้แก่ผู้เล่นอยู่เสมอ ๆ นั่นเอง
ก็ถือได้ว่าเป็นหลาย ๆ มุมมองที่ผู้เล่นทั่วไป หรือ นักแข่งขันบางคนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นนัก สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าทาง MiTH จะพลาดท่าพ่ายแพ้ให้แก่ FULL SENSE ไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประตูของพวกเขาจะถูกปิดลงแต่อย่างใด เนื่องจาก MiTH จะต้องออกลุยต่อในสายล่างกับทาง CRIT Esports ซึ่งบทสรุปจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป